มายาคติของเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด

มายาคติ : การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) สามารถจับคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล และกักเก็บไว้ในทะเล หรือใต้ผิวโลก

ข้อเท็จจริง : การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) มีราคาแพง โดยที่ต้นทุนการผลิตพลังงานจะเพิ่มจากร้อยละ 40 เป็น 80 เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าทั่วไป ขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งและสถานที่จัดเก็บ รวมถึงการขนส่งและเทคโนโลยีที่ใช้ดักจับที่นำมาใช้ด้วย

CCS จะทำให้เกิดรายจ่ายมากขึ้นในระยะยาว การเฝ้าระวังและการตรวจสอบที่กินเวลานานนับทศวรรษเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เก็บไว้ แม้กระนั้นก็ยังมีข้อจำกัดในการเข้าไปแทรกแซงเพื่อป้องกันหรือควบคุมเหตุการณ์รั่วไหลที่อาจเกิดขึ้นได้

CCS ไม่ใช่เทคโนโลยีสำหรับวันนี้หรือในอนาคต เพราะความไม่แน่นอนของเทคโนโลยีว่ามันจะสามารถใช้งานได้หรือไม่ การหันมาใช้พลังงานสะอาดจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

อุตสาหกรรมถ่านหิน : ธุรกิจเสี่ยง

แม้จะมีการลงทุนเฉพาะในสหรัฐฯ ถึง 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่การวิจัยถ่านหินสะอาดก็ยังพบกับอุปสรรคมากมาย เช่น ในจำนวนโครงการวิจัย 13 โครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานตรวจบัญชี (US General Accounting) ปรากฏว่า โครงการวิจัย 8 โครงการ เกิดความล่าช้า หรือ ปัญหาด้านการเงิน อีก 6 โครงการล่าช้ากว่ากำหนด 2-7 ปี และ อีก 2 โครงการนั้นล้มละลาย และ ไม่ประสบความสำเร็จ

โครงการ Healy Clean Coal ในสหรัฐฯที่มีเงินทุน 297 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งใจที่จะนำเอาเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมมาใช้กับโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด แต่ในที่สุดก็ปิดตัวไปในเดือนมกราคม ปี 2543 เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินการให้เกิดความปลอดภัย เชื่อถือได้และประหยัดด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว