มายาคติของเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด

มายาคติ : การเผาไหม้โดยใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดจะควบคุมมลพิษให้กับโรงไฟฟ้าด้วยการลดการปล่อยก๊าซที่ปนสารพิษ

การปล่อยอนุภาคขนาดเล็ก – สามารถลดได้ด้วยวิธี Electrostatic Precipatators (ESPs) และ Fabric filters (ESPs) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางโดยการส่งก๊าซไปตามท่อที่ตั้งอยู่ระหว่างแผ่นดักจับ ซึ่งจะดูดเอาอนุภาคขนาดเล็กด้วยการใช้ไฟฟ้าสถิต

การปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ – สามารถลดได้ด้วยวิธี Low-NOx Burners (LNB) วิธีนี้จะลดสารไนโตรเจนออกไซด์ด้วยการควบคุมอุณหภูมิความร้อน และสภาพแวดล้อมทางเคมีระหว่างการเผาไหม้ Selective catalytic or non-catalytic reduction (SCR/SNCR) เป็นวิธีที่มีราคาแพง และ ไม่นิยมใช้

การปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ – สามารถลดได้ด้วยวิธี Fule Gas Desulphurisation (FGD)เป็นวิธีที่ใช้ทั่วไปในการดูดซับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ โดยการใช้สารประกอบในการดูดซับเช่น ปูนขาว

การปล่อยโลหะหนัก-เช่น ปรอท แคดเมียม และสารหนู- โลหะหนักที่ปล่อยออกมากับก๊าซเสียสามารถลดได้โดยการใช้วิธีควบคุมอนุภาคขนาดเล็ก หรือการเผาไหม้แบบ fluidized bed และ อุปกรณ์ FGD ส่วนการพ่นผงถ่านกัมมันต์(Activated Carbon Injection) กำลังอยู่ในระหว่างการทดลองเพื่อแยกสารปรอท

ข้อเท็จจริง : 

ถ่านหินประกอบด้วยวัสดุที่ไม่สามารถเผาไหม้ประมาณร้อยละ 7-30 และจะต้องมีการกำจัดขั้นสุดท้ายในที่สุด เทคโนโลยีถ่านหินสะอาดพยายามดักจับกากของเสียเหล่านี้ก่อนที่จะถูกปล่อยออกทางปล่องของโรงไฟฟ้า กากของเสียที่ถูกดักจับเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ (ทั้งที่มีสารพิษตกค้างจำนวนมาก),ทิ้งกองไว้บนดินหรือนำไปฝังกลบ

การใช้ถ่านหินที่มีคุณภาพสูงขึ้นซึ่งมีปริมาณเถ้าและซัลเฟอร์ต่ำกว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเสียออกทางปล่องและเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นได้ แต่ประสิทธิภาพด้านความร้อนจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น หากรัฐบาลเลือกถ่านหินสะอาดในการผลิตไฟฟ้าเพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นแทนการใช้พลังงานสะอาด แน่นอนว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มสูงตามไปด้วย

จากรายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ(UNEP) ระบุว่า ปรอทและสารประกอบของปรอทมีความเป็นพิษอย่างสูง และเป็นภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมต่อมนุษยและสัตว์ป่า การรับเอาสารปรอทเข้าไปจะก่อให้เกิดให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางและเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของมนุษย์ รายงานยังระบุอีกว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินและการผลิตความร้อนที่ใช้ถ่านหินเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของปรอทที่ปล่อยออกสู่บรรยากาศ ข้อมูลของสภาวิจัยการใช้ประโยชน์จากถ่านหินระบุว่า ยังไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะใช้ดักจับปรอทที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินได้ ยิ่งไปกว่านั้นรายงานของคณะกรรมาธิการด้านพลังงานของสหรัฐฯชี้ว่า ยังไม่มีการจัดทำผลกระทบของการควบคุมปรอทในระยะยาวอย่างต่อเนื่องและจริงจัง การทดลองแยกปรอทออกจากก๊าซเสียของโรงไฟฟ้าถ่านหินมีราคาแพงมาก อยู่ที่ 761,000 เหรียญสหรัฐฯต่อปรอทหนึ่งกิโลกรัม และแม้กระนั้นก็ยังเหลือสารปรอทตกค้างอยู่อีกร้อยละ 10