มันกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่การประชุมอนาคตพลังงานโลกที่อาบูดาบี เซลแสงอาทิตย์และเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น กังหันลม ไม่ได้แพงมากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลในหลายๆ ส่วนของโลก และแท้ที่จริง มันถูกกว่าด้วยซ้ำ
ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรับรู้เรื่องนี้ ดร. Adaba Sultan Ahmed al Jabber รัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับอิมิเรต ได้กล่าวในพิธิเปิดการประชุมว่า ราคาของพลังงานแสงอาทิตย์แข่งขันกับแหล่งพลังงานแบบเดิม และจะไม่มีผลกระทบจากการลดลงของราคาน้ำมัน
เขายังเห็นด้วยว่า นี่ถือเป็นโอกาสในการเรียกร้องให้มีการยกเลิกอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลในด้านราคา ซึ่งเขาเห็นว่ามันคิดเป็น 5 ต่อ 1 เมื่อเทียบกับการอุดหนุนพลังงานหมุนเวียนในปี 2513 ถ้าเรามีความกล้าหาญและโอกาสที่จะพูดว่า ใช่เราต้องคิดต่าง ก็สามารถสร้างอนาคตที่ดีกว่าได้ นี่คือสิ่งที่มาจากประเทศที่ผลิตน้ำมันเป็นอันดับแปดและมีแหล่งสำรองก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับเจ็ดของโลก
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ องค์การพลังงานหมุนเวียนนานาชาติ(IRENA)คาดการว่าต้นทุนพลังงานแสงอาทิตย์จะลดลงอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เน้นให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันกับพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล หากรัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายไม่เข้าใจเรื่องนี้แล้วล่ะก็พวกเขาจะเสี่ยงต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาดในเรื่องอนาคตด้านพลังงานของประเทศ
สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทพลังงานของซาอุดิอาระเบีย ACWE ซึ่งมีทรัพย์สินราว 24 พันล้านเหรียญสหรัฐ ได้สร้างสถิติโลกโดยได้ราคาเซลแสงอาทิตย์ที่ต่ำในการประมูลครั้งใหญ่ที่สุดของโลก นาย Paddy Padmanathan ผู้อำนวยการบริหารของ ACWE บอกว่าราคาของเซลแสงอาทิตย์จะลดลงอีกราวหนึ่งในสามในปีที่จะมาถึง เขาคาดว่ากำลังการผลิตติดตั้งกว่า 140,000 กิกะวัตต์ที่จะเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือและใต้ อย่างน้อยที่สุดจะมีครึ่งหนึ่งเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ในทศวรรษที่จะมาถึง
การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการคาดการณ์โดย Deutsche Bank ที่ระบุว่า ไฟฟ้าจากเซลแสงอาทิตย์จะไปถึงจุดที่ต้นทุนเท่ากับหรือน้อยกว่าพลังงานแบบดั้งเดิม โดยครองตลาดพลังงานร้อยละ 80 ภายในอีก 2 ข้างหน้า และประมาณว่าตุ้นทุนจะลดลงร้อยละ 40 ภายในสิ้นปี
รายละเอียดที่อธิบายถึงการคาดการณ์ของการวิเคระห์ของ Deutsche Bank analysts มีดังนี้
นาย Vishal Shah แห่ง Deutsche Bank’s กล่าวถึงต้นทุนอนาคตของระบบเซลแสงอาทิตย์ว่า ส่วนใหญ่เน้นไปที่ตลาดเซลแสงอาทิตย์บนหลังคา แต่บทเรียนต่างๆ ก็เช่นเดียวกันกับระดับของหน่วยงานด้านไฟฟ้า จะเห็นว่าระบบเซลแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งในประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับสายส่งจะเป็นระบบเซลแสงอาทิตย์แบบกระจายศูนย์ และถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในตลาดพลังงานที่มีการจัดตั้งเป็นอย่างดีในการมาถึงของการติดตั้งระบบเซลแสงอาทิตย์บนหลังคานั้นอยู่จุดที่คุ้มทุน
ราคาการผลิตในปัจจุบัน
ธนาคาร Deutsche ระบุว่า ต้นทุนรวมของระบบเซลแสงอาทิตย์ของบริษัทชั้นนำของจีนลดลงจาก 1.31 เหรียญสหรัฐต่อวัตต์ในปี 2554 เป็น 0.50 เหรียญสหรัฐต่อวัตต์ในปี 2557 อันเนื่องมาจากการลดลงของต้นทุนในกระบวนการผลิต การลดลงของราคาแผงเซลโพลีซิลิกอนและการปรับปรุงประสิทธิภาพในการแปลงให้เป็นกระแสไฟฟ้า
นั่นแสดงถึงการลดลงราวร้อยละ 60 ในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ปี ธนาคาร Deutsche Bank ระบุว่าต้นทุนรวมจะลดลงอีกร้อยละ 30-40 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยการลดลงมากที่สุดจะมาจากภาคครัวเรือนอันเนื่องมาจากการปรับปรุงด้านขนาดและประสิทธิภาพในการทำงาน
จะเห็นจุดเด่นในเรื่องนี้ในตลาดเซลแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก – เยอรมนี “ปัจจุบัน ต้นทุนในเยอรมนีต่ำกว่าในสหรัฐอเมริกามาก และต้นทุนการติดตั้งในเยอรมนีลดลงร้อยละ 40 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สาเหตุการลดลงนั้นแตกต่างกันไปแต่ละประเทศ แต่เราเชื่อว่า ตัวอย่างของเยอรมนีจะยังคงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าต้นทุนระบบโดยรวมยังไม่ไปถึงจุดที่มีต้นทุนต่ำสุดแม้กระทั่งในตลาดพลังงานที่อิ่มตัวแล้วก็ตาม”
การลดต้นทุนโดยรวมไม่ได้มาจากโพลีซิลิกอน เมื่อเทียบกับช่วง 5-10 ปีก่อนหน้านี้ ต้นทุนที่ลดลงในอนาคตจะมาจากส่วนที่ไม่เกี่ยวแผงเซลแสงอาทิตย์
ราคาแผงเซลแสงอาทิตย์ลดลงเป็น 0.5 เหรียญต่อวัตต์
ธนาคาร Deutsche Bank ระบุว่า ในขณะที่การค้าและตลาด หรือการตกลงราคาต่ำสุดของแผงเซลแสงอาทิตย์ยังอาจไม่ชัดเจนในระยะอันใกล้นี้ ความไม่สมบูรณ์จองตลาดจะทำงานของมันในระยะยาวและราคาที่ชัดเจนจะไปถึง 0.5 เหรียญ หรือต่ำกว่านั้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ตัวอย่างเช่น บริษัท SunEdison ได้ตั้งเป้าให้ราคาอยู่ที่ 0.40 เหรียญต่อวัตต์ภายในปี 2559 และผู้ผลิตอันดับต้นๆ ของจีนนั้นบรรลุเป้าหมายที่ราคา 0.50เหรียญสหรัฐต่อวัตต์ไปแล้วในปี 2557 เมื่อพิจารณาว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่ปรับปรุงราคาในราว 1-2 เซนต์ต่อไตรมาส การปรับราคาน้อยกว่า 10 เซนต์ (เพื่อให้ถึง 0.40 เหรียญต่อวัตต์) ในช่วง 12 ไตรมาสนั้นแทบเรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นๆ
ราคาอินเวอร์เตอร์และโครงก็ลดลงด้วย
โดยทั่วไปแล้วราคาอินเวอร์เตอร์จะลดลงราวร้อยละ 10-15 ต่อปี และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต ผู้ติตตั้งระบบเซลแสงอาทิตย์รายใหญ่นั้นทำราคาได้แล้วที่ 0.25 เหรียญสหรัฐต่อวัตต์หรือต่ำกว่านั้นในการทำข้อตกลงขนาดใหญ่ การลดลงของราคาส่วนประกอบระบบแผงเซลแสงอาทิตย์ การปรับปรุงอุปกรณ์รุ่นใหม่ และประสิทธิภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดกาประหยัดในด้านการผลิต