#จักรยานสองขาท้าโลก
ธารา บัวคำศรี แปลเรียบเรียงจาก
The Bicycle: Vehicle for a Small Planet, Worldwatch Paper #90, September 1989 เขียนโดย Marcia D. Lowe
ดาวน์โหลด pdf ไฟล์ จักรยาน พาหนะเพื่อโลกใบน้อย
——————
ประเทศที่มีบรรยากาศขี่จักรยานคล้ายคลึงกับเนเธอร์แลนด์ คือ เดนมาร์ก นายกผู้ดูแลการจราจรของเมืองโคเปนเฮเกน เขียนบทความและบทกวีเพื่อเฉลิมฉลองการขี่จักรยานและการสร้างอนุสาวรีย์ของนักขี่จักรยานขึ้น การขี่จักรยานเดินทางในเดนมาร์ก แม้จะต่ำกว่าเนเธอร์แลนด์เล็กน้อย ก็มีมากพอๆ กัน คิดเป็นร้อยละ 20 ของการเดินทางส่วนบุคคลในเมืองใหญ่และเมืองเล็กหลายแห่งของประเทศ สถานีรถไฟในเดนมาร์กสามารถอำนวยความสะดวกให้กับจักรยานเป็นจำนวนหลายร้อยคันในเวลาหนึ่งๆ การสำรวจในปี พ.ศ.2526 เปิดเผยว่า ร้อยละ 32 ของประชาชน ขี่จักรยานไปทำงาน อีกร้อยละ 9 ขี่จักรยานไปขึ้นรถไฟ
นับแต่ปี พ.ศ.2525 งบประมาณของรัฐบาล 7-13 ล้านเหรียญต่อปี นำมาสร้างช่องทางจักรยานที่ใช้สัญจรไปมาบนถนนสายหลัก ปัจจุบัน ร้อยละ 75 ของถนนสายหลักในเดนมาร์กมีช่องทางขี่จักรยาน เครือข่ายทางจักรยานจำนวนมากที่เกิดขึ้น เป็นผลจากการทำงานของสหพันธ์นักจักรยานแห่งเดนมาร์กซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ.2448 เพื่อรณรงค์ให้รัฐบาลจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขี่จักรยานและจัดระบบจราจร
การใช้เส้นทางจักรยานในเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ มีข้อบังคับในเขตที่เส้นทางจักรยานขนานไปกับถนนสายหลักที่ใช้ความเร็วสูงเพราะมีความขัดแย้งบางอย่างระหว่างผู้ขี่ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ถ้าถนนคุณภาพดี ผู้ขี่จักรยานจะใช้มัน ไม่ว่าจะมีกฏข้อบังคับหรือไม่
เดนมาร์กคิดหาแนวทางให้ผู้ใช้รถยนต์เสียภาษีเจ้าของรถและภาษีใช้รถ น้ำมันปิโตรเลียมในเดนมาร์กมีราคาสูงที่สุดในยุโรป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งเดนมาร์กอธิบายถึงภาษีที่เก็บจากการขายรถยนต์ใหม่ซึ่งมีอัตราสูงถึงร้อยละ 186 (เทียบกับร้อยละ 47 ในเนเธอร์แลนด์ และร้อยละ 5 ในสหรัฐอเมริกา) ว่าเหมือนกับจ่ายเงินซื้อรถยนต์ 3 คันและได้รถยนต์ไปเพียง 1 คัน
พื้นที่ที่เป็นสังคมจักรยานมากที่สุดในอเมริกาเหนือ คือ เมืองมหาวิทยาลัยที่มีบรรยากาศขี่จักรยาน ชุมชนอย่างน้อย 2 แห่ง ในตอนเหนือของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย คือ เมืองพาโล อัลโตและเดวิด ถือเป็นปฐมบทของเมืองหลวงจักรยานของสหรัฐอเมริกา เมืองเดวิดมีอันตรการใช้จักรยานสูงกว่าสองเท่า มีการใช้จักรยานร้อยละ 25 ของการเดินทางสัญจรไปมาทั้งหมดในชุมชนที่มีประชากร 44,000 คน การใช้รถจักรยานพ่วงขนของชำหรือบรรทุกเด็กไม่ใช่เรื่องประหลาดในเมืองนี้ เมืองเดวิดมีทางจักรยานยาว 30 ไมล์ ในจำนวนถนน 100 ไมล์ประมาณ 20 ไมล์ มีเส้นทางจักรยานที่แยกออกมาโดยเฉพาะ
เมืองพาโล อัลโต ซึ่งเป็นชุมชนของผู้มีการศึกษาสูงและฐานะดี 56,000 คน ใกล้กับเมืองซานฟานซิสโกพ้นไปจากการปรับปรุงทางด้านกายภาพเพื่อส่งเสริมการขี่จักรยาน ผู้บริหารเมืองจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ของตน 7 เซ็นต์ต่อไมล์ หากพวกเขาขี่จักรยานไปทำธุระต่าง ๆ และจ่ายงบประมาณจัดงาน “Leave your car at home day” ที่มีขึ้นทั่วไปในเมืองทุก ๆ เดือน กรมตำรวจแห่งเมืองนี้มีตำรวจจักรยาน และมีโรงเรียนสอนกฏจราจรสำหรับเด็กเล็กที่ชอบขี่จักรยานฝ่าฝืน และให้ทุนอบรมหลักสูตรการขี่จักรยานบนถนนสำหรับนักเรียนมัธยม
เมืองพาโล อัลโต ใช้เงินประมาณ 1 ล้านเหรียญตั้งแต่ ปี พ.ศ.2523 (ส่วนใหญ่เป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐ) สร้างราวเหล็กที่ใช้จอดและล๊อคจักรยาน สะพานจักรยาน และถนนที่มีไฟส่องให้จักรยาน ถนนทุกสานในเมืองราดยางเรียบได้มาตรฐาน สัญญานจราจรตรวจจับจักรยานมีเครื่องหมายชัดเจน เพื่อให้คนขี่จักรยานกระตุ้นได้ง่าย หัวใจของระบบเส้นทางจักรยาน 40 ไมล์ของเมืองพาโล อัลโต คือ ถนนกว้างใหญ่มีต้นไม้สองข้างทางยาว 2 ไมล์ตรงไปยังใจกลางเมือง มีแต่จักรยานที่ใช้เส้นทางนี้ได้ ถนนจักรยานดังกล่าวเป็นโครงข่ายขนาดใหญ่ส่วนแรกที่ออกแบบไว้ในศูนย์กลางเมือง
เทศบัญญัติกำหนดเขต ปี พ.ศ.2526 ทำให้ผู้ประกอบการที่ก่อสร้างอาคารหลังใหม่ต้องสร้างที่จอดจักรยานที่ปลอดภัยและมีห้องอาบน้ำสำหรับพนักงาน นายจ้างบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งในเมืองพาโล อัลโต เพิ่มแรงจูงใจให้พนักงานของตน เช่น บริษัท The Alza Corporation จ่ายเงินให้กับพนักงานที่ขี่จักรยานมาทำงาน 1 เหรียญต่อวัน บริษัท Zerox จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงบริการผ้าเช็ดตัวในห้องอาบน้ำ นี่เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่มีพนักงานของบริษัทถึงร้อยละ 20 ขี่จักรยานไปทำงาน และเป็นเมืองหนึ่งที่มีผู้ขี่จักรยานเดินทางสัญจรไปมาในอัตราสูงสุดของสหรัฐอเมริกา
หลายส่วนของสหรัฐอเมริกา การสนับสนุนของประชาชนในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่จักรยาน ต้องพบปัญหาอันเรื่องมาจากความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านจักรยานด้วยกัน กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเส้นทางเฉพาะจักรยานหรือเส้นทางจักรยานที่แยกออกจากถนนรถยนต์ กลุ่มนี้เชื่อว่าไม่มีความปลอดภัยละทำให้เกิดการแบ่งแยก อีกกลุ่มหนึ่งเป็นนักขี่จักรยานซึ่งเสนอให้สร้างเส้นทางเฉพพาะของจักรยานในพื้นที่ที่สามารถทำได้
ความคิดเห็นที่ไม่ลงรอยดังกล่าวทำให้เกิดการส่งเสริมการขี่จักรยานพังพาบลงอย่างเป็นทางการ เมื่อผู้บริหารท้องถิ่นหลายแห่งไม่พิจารณาการร้องขอเส้นทางจักรยานเส้นใหม่เพราะว่านักขี่จักรยานไม่ต้องการ ขณะเดียวกันปีหนึ่งๆ มีคนหลายล้านคนใช้เส้นทางเชื่อมโยงของรางรถไฟทิ้งร้างยาว 2,700 ไมล์ ซึ่งถูกเปลี่ยนเป็นเส้นทางจักรยานและปีนเขาภายใต้ความพยายามของกลุ่มองค์กรเอกชนที่ชื่อว่า Rails-To-Trails Conservancy
แม้ว่าคนขี่จักรยานจะพบกับอุปสรรคนานับประการ แต่การขยายตัวของโครงการส่งเสริมจักรยานต่างๆ ที่อยู่นอกสังคมจักรยานแสดงว่าแนวโน้มการวางแผนสนับสนุนจักรยานมีเพิ่มมากขึ้น หลายเมืองในสวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมันตะวันตก (ขณะนั้น) มีคนขี่จักรยานบนท้องถนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารในประเทศเหล่านั้นรับปากว่าจะสนับสนุนการขี่จักรยาน นโยบาย Verkehrsberuhigung หรือ ความเงียบสงบของการจราจรของเยอรมันทำให้มีการจัดสภาพแวดล้อมในการขี่จักรยานด้วยการใช้สิ่งกีดขวาง และจำกัดความเร็วรถยนต์ เมืองในสวีเดนมีการทดลองควบคุมการจราจรรถยนต์มาตั้งแต่คริสตทศวรรษที่ 70 โดยใช้มาตรการ “Traffic Cells” หรือ การจัดแบ่งระบบจราจรในเมืองออกเป็นส่วนๆ รวมไปถึงการจัดระบบเส้นทางใหม่โดนระบายรถยนต์จากจุดที่มีการจราจรหนาแน่นให้ไปอยู่บนถนนสายหลัก และทำให้ถนนสายย่อยมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นในการขี่จักรยานและการเดินเท้า
หลายเมืองในแคนาดาและออสเตรเลียมีการจัดทำโครงการจักรยาน มอลทรีออล เมืองที่มีฤดูหนาวจัดประมาณ 4-5 เดือน วางแผนเพิ่มเส้นทางจักรยานยาว 200 กิโลเมตร ที่มีอยู่แล้ว เพิ่มให้เป็น 2 เท่าในปี พ.ศ.2536 เป้าหมายคือทำให้มีช่องทางหรือเส้นทางจักรยานทุก 2 กิโลเมตรบนระบบถนนของเมือง เมืองเมลเบิร์น เพิร์ท และเมืองอื่นๆ ในออสเตรเลียจัดทำโครงการจักรยานตามแบบเมืองกีลองในปี พ.ศ.2520 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ถนนทุกสายสามารถขี่จักรยานได้
นี่คือข้อพิสูจน์ว่า สังคมจักรยานสามารถหลุดจากอิทธิพลของรถยนต์ Ellen Flatcher สมาชิกสภาเมืองพาโล อัลโต ผู้ขี่จักรยานไปเข้าประชุมสมาชิกสภาเมือง และเป็นผู้เชี่ยวชาญจักรยานที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ เธอรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะให้คนทั้งหลายหันมาขี่จักรยานกันบ้าง เธอบอกว่า “สิ่งแรกที่ต้องทำคือทำให้การขี่จักรยานง่ายกว่าการขับรถยนต์ จากจุดนี้ คนจะเริ่มขี่จักรยาน”