แปลเรียบเรียงจาก Andreas Kluth https://english.aawsat.com/home/article/3514051/andreas-kluth/putin-his-rat-and-six-ways-war-ukraine-could-end

ไม่มีใครรู้ว่าสงครามรุกรานยูเครนของปูตินจะจบลงอย่างไร แต่ฉากทัศน์(scenario)ส่วนใหญ่มีตั้งแต่แย่มากไปถึงแย่ที่สุด เพื่อทำความเข้าใจ เราเริ่มจากสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นหนูที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก

นักกิจกรรมกรีนพีซโปแลนด์แขวนป้ายผ้า “NO WAR” ที่สะพาน Poniatowski ในกรุงวอซอร์ เรียกร้องให้ยุติสงคราม สงครามที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนประเทศยุโรปตะวันออกมาจากการลงทุนของอุตสาหกรรมฟอสซิล

เป็นหนูที่วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียอ้างว่าช่วงที่เขาเป็นเด็ก (ในเมืองซึ่งตอนนั้นคือ เลนินกราด) ได้ไล่มันไปตามโถงทางเดิน เมื่อหนูจนมุม มันก็หันมาโจมตีเขา

เหตุใดปูตินพยายามที่จะทำให้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนี้ถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อชาวรัสเซียที่เป็นผู้ฟังทั่วโลก? เรื่องพื้นๆ ก็คือ เป็นคำขู่ของปูตินที่ปิดบังไว้ ฉันคือหนูตัวนั้น แต่ว่าฉันมีกรงเล็บนิวเคลียร์ ดังนั้น อย่าทำให้ฉันต้องจนมุม

มาถึงจุดนี้ — อาจเรียกว่าเป็นมุมมองของหนู — เราต้องคำนึงถึงฉากทัศน์ที่เป็นไปได้ทั้งหมด  ถ้าการวิเคราะห์เป็นเรื่องที่ว่าอะไรดีต่อรัสเซีย การรุกรานยูเครนจะไม่มีวันเริ่มต้นเลย และอาจสิ้นสุดลงทุกเวลาด้วยการเจรจาที่บรรลุข้อตกลง ท้ายที่สุดแล้ว การทำสงครามยิ่งกระทบกับผลประโยชน์แห่งชาติของรัสเซีย โดดเดี่ยวรัสเซียออกจากนานาชาติ และทำให้คนรัสเซียยิ่งยากจนข้นแค้นมากขึ้นไปอีก แต่รัสเซียในฐานะประชาชาติไม่เกี่ยวอะไรกับหนู จริงๆ แล้ว หนูที่เป็นอุปมาอุปไมยนี้คือ “เครมลิน”

จากที่ปรากฏให้เห็นทั้งหมด ปูตินถูกโดดเดี่ยว เขาอยู่ในโลกทางจิตใจของเขาเอง ต่างจากผู้นำโซเวียตรุ่นก่อนๆ เขาไม่มีปูลิตบูโร (politburo) รอบตัวเขา ไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลที่น่าเชื่อถือ  เขาตัดสินใจคนเดียว เช่นเดียวกับเหล่าทรราชทั้งในปัจจุบันและในอดีต เขามีเหตุผลที่จะต้องกังวลว่าความล้มเหลวทางการเมืองของเขาอาจไม่จบลงดีๆ ด้วยการเกษียณอายุที่น่าเบื่อแต่สงบสุข แต่ค่อนไปทางจุดจบที่รุนแรงและฉับพลันมากกว่า

ดูจากมุมมองของหนูแล้วมีแต่ทางตัน ด้วยเหตุนี้ ฉากทัศน์ทั้ง 6 ของสงครามในยูเครนน่าจะเป็นประมาณนี้

ชาวยูเครนชนะ

กองกำลังป้องกันยูเครนที่กล้าหาญซึ่งขับไล่กองกำลังรัสเซียออกไปนั้นอาจเป็นไปไม่ได้ในทางการทหาร แต่แน่นอนว่าเป็นผลลัพธ์ที่คนส่วนใหญ่ในโลกต่างวาดหวัง ยูเครนซึ่งชอกช้ำแต่มีชัย จะเชื่อมต่อกับสหภาพยุโรปที่มีการจัดวางและสอดประสานกันใหม่ และมุ่งบูรณาการเข้ากับประชาธิปไตยตะวันตก  องค์การนาโต้จะสร้างความตระหนักรู้ในวัตถุประสงค์ขึ้นใหม่(sense of purpose)  จีนซึ่งจับตาดูไต้หวันจะคิดให้รอบคอบว่าจะสร้างปัญหาย้อนมาที่ตัวเองหรือไม่

ถ้าเป็นตามฉากทัศน์นี้ ปูตินจะถูกต้อนเข้ามุม เขาวางตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์รัสเซียที่ต่อต้านฝ่ายตะวันตกอันก้าวร้าว และผู้ปลดปล่อยกลุ่มชนพื้นเมืองชาวรัสเซียรวมถึงพี่น้องชาวสลาฟ(Slavs)ในทุกหนทุกแห่ง  ชัยชนะของยูเครนจะเป็นตัวบ่อนทำลายการโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมดนี้ ในทางการเมือง เขาไม่อาจทนได้กับความพ่ายแพ้ และเขารู้จักมันดี ดังนั้น เขาจะไม่ยอมให้ฉากทัศน์นี้เกิดขึ้น แทนที่จะถอนตัว(จากการรุกรานยูเครน) เขาจะหาแนวทางอื่นๆ

ยูเครนตกอยู่ในระบอบอันโหดร้ายของปูติน

ปูตินจะเพิ่มการโจมตียูเครนอย่างทบทวี — โดยยังใช้อาวุธธรรมดา  โดยพื้นฐานแล้วหมายถึงการโจมตีด้วยระเบิดเพื่อทำให้ยูเครนสยบยอมต่ออำนาจ  การสูญเสียชีวิตของทั้งพลเรือนและทหารจะยิ่งเลวร้ายน่าสะพรึงกลัว แต่ปูตินไม่สนใจ  เขาจะยิ่งทวีความเดือดดาลและไม่พอใจยูเครน — ไม่ว่าจะเป็นในฐานะรัฐหุ่นเชิดที่เป็นอิสระในนาม หรือเขตการปกครองหนึ่งของ Greater Russia — ซึ่งอาจเพิ่มเบลารุสเข้าไปด้วย

ในการปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วยกับปูตินทั้งในรัสเซียและในยูเครน เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงรัสเซียให้เป็นรัฐตำรวจ โดยกำจัดและลงโทษกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกที่หลงเหลืออยู่ จักรวรรดิรัสเซียของปูตินจะกลายเป็นสิ่งแปลกแยกถาวรในประชาคมระหว่างประเทศ  โลกจะมีม่านเหล็กอันใหม่

กลายเป็นเหมือนอัฟกานิสถาน

หรือปูตินอาจยกระดับการรุกรานแบบไม่หวือหวา โดยส่งกองทัพรัสเซียพอประมาณเข้าในยูเครนเพื่อหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง ยูเครนจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับอัฟกานิสถานในช่วงผู้นำโซเวียต ลีโอนิด เบรจเนฟ (Leonid Brezhnev) หลังปี 2522 หรือการที่สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรติดหล่มสงครามในอัฟกานิสถานหลังปี 2544

การสูญเสียชีวิตผู้คนในฉากทัศน์นี้จะยังคงช็อกโลก — เหนือสิ่งอื่นใด ไม่เพียงแต่การสูญเสียของชาวยูเครน แต่ยังรวมถึงทหารรัสเซีย และสามัญชนรัสเซียที่เผชิญกับการกดขี่และปราบปราม และความยากลำบากจากการโดนคว่ำบาตร ปูตินจะไม่สนใจ เขาคิดว่าที่ของเขาในเครมลินยังปลอดภัย แต่พิจารณาจากมุมมองของหนูแล้ว “หล่มสงคราม” ก็ไม่ต่างอะไรจากการจนมุมที่โถงทางเดินอย่างไม่สิ้นสุด

ยกระดับเพื่อลดระดับ

ถ้าอุปมาอุปไมยปูตินเป็นเหมือนหนูที่ถูกไล่จนมุมและที่หันกลับมาโจมตีเขาจริงๆ อย่างน้อยที่สุด เขาจะคิดทางเลือกอื่น — ที่ชัดเจนก็คือ อาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่เขาบอกใบ้ไปแล้ว ข้ออ้างว่านาโตและสหภาพยุโรปกำลังต้อนเขาให้จนมุมโดยการสนับสนุนยูเครนด้วยอาวุธและอื่นๆ ปูตินอาจใช้หัวรบนิวเคลียร์แบบจำกัดหนึ่งครั้งหรือมากกว่าที่เรียกว่าหัวรบทางยุทธวิธี (คือผลการทำลายต่ำ)

ปูตินเดิมพันว่าชาติตะวันตกจะไม่ตอบโต้ในนามของยูเครน เพราะนั่นจะกระตุ้นการสู้รบด้วยหัวรบนิวเคลียร์ “เชิงยุทธศาสตร์” ที่ใหญ่กว่า และลงเอยด้วยการทำลายล้างทั้งสองฝ่าย (Mutual Assured Destruction : MAD) เฉกเช่น ในช่วงสงครามเย็น  แต่เช่นเดียวกับหนูที่ถูกต้อนจนมุม ปูตินยอมเสี่ยง

เช่นเดียวกับญี่ปุ่นในปี 2488 ยูเครนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจำนน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในทางการทหารเรียกกลยุทธ์นี้ว่า “การยกระดับเพื่อลดระดับ”  แต่โลกจะไม่มีวันเหมือนเดิม  โลกาวินาศของมนุษยชาติจะเพิ่มรายการต่อจากฮิโรชิมาและนางาซากิ แต่ปูตินก็อาจพูดว่าเขาเอาตัวรอดออกจากมุมที่โถงทางเดินได้

การปฏิวัติรัสเซียอีกครั้งหนึ่ง

ยังมีฉากทัศน์ที่มองโลกในแง่ดีอีกมาก ถึงแม้ม่านการโฆษณาชวนเชื่อและการบิดเบือนข้อมูลของปูตินจะขวางกั้น ชาวรัสเซียเข้าใจดีถึงความเสี่ยงที่เป็นหายนะในเรื่องการบุกรุกยูเครนของปูติน

ชาวรัสเซียอาจลุกฮือปฏิวัติ อาจอยู่ในรูปแบบของขบวนการเคลื่อนไหวที่มีฐานกว้างขวางโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ผู้นำฝ่ายค้านอย่าง Alexey Navalny  หรืออาจเป็นการทำรัฐประหารหรือขับไล่ปูตินภายในกลุ่มชนชั้นนำที่ปกครองรัสเซีย

โชคไม่ดีที่การลุกฮือขึ้นของประชาชนในรัสเซียยังไม่เกิด ณ ขณะนี้ ชาวรัสเซียอาจเห็นว่าชาวเบลารุสที่อยู่ติดกันนั้นเคยต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของตนอย่างกล้าหาญตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 โดยไม่ประสบความสำเร็จ มีแต่การปราบปรามอย่างโหดร้ายทารุณมากมาย  และสมาชิกวงในที่ต้องการกำจัดปูตินอาจยังจำได้ถึงชะตากรรมของผู้สมรู้ร่วมคิดกรณี Claus von Stauffenberg ในปี 2487

อย่างไรก็ตาม การปฏิวัติของรัสเซียภายในประเทศนั้นน่าจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ระบอบการปกครองใหม่ในมอสโกอาจโบ้ยความผิดไปที่ปูตินคนเดียวในการเข้ารุกรานยูเครนซึ่งเป็นเช่นนั้นจริงๆ การถอนกำลังออกจากยูเครนอาจทำได้โดยไม่ทำให้รัสเซียดูอ่อนแอ  ประชาคมระหว่างประเทศยินดีเปิดกว้างต้อนรับรัสเซียกลับมา โลกทั้งโลกรวมทั้งรัสเซียจะเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ขึ้น

จีนเข้าแทรกแซง

ฉากทัศน์ที่ดีที่สุดอันดับสองแต่เป็นไปได้มากกว่าจะเป็นเรื่องของปักกิ่ง

จีนภายใต้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง หากไม่ใช่พันธมิตรของรัสเซีย อย่างน้อยก็เป็นหุ้นส่วนอย่างเป็นทางการในการร่วมจับตาการเคลื่อนไหวฝ่ายตะวันตกที่นำสหรัฐอเมริกา แต่จีนถือว่าตนเองเป็นมหาอำนาจเกิดใหม่ และรัสเซียเป็นมหาอำนาจที่กำลังล่มสลาย เนื่องจากสี จิ้นผิงเห็นว่าบางครั้งปูตินก็มีประโยชน์ แต่ก็อาจเป็นภาระด้วย

จีนมีความอิหลักอิเหลื่อมากในกรณีการโจมตียูเครนของปูตินเพราะถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของชาติอื่น หลักการที่สี จิ้นผิง จะใช้หากเขาจะผนวกไต้หวัน (ซึ่งถือว่าเป็นมณฑลหนึ่งของจีน) และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ไม่เข้ามายุ่มย่าม แน่นอนว่าจีนซึ่งมีคลังแสงนิวเคลียร์ขนาดเล็กแต่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่อาจมองข้ามถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีและผลที่อาจนำไปสู่ความโกลาหลในระดับโลก

ณ ขณะนี้ สี จิ้นผิงที่สองจิตสองใจทำให้ปักกิ่งอยู่จุดที่สร้างความสับสนโดยใช้ความคลุมเครือโดยเจตนา ณ องค์การสหประชาชาติ 141 ประเทศโหวตประณามปูตินกรณีการรุกรานยูเครน จีนอาจเข้าร่วมกับ 4 รัฐอันธพาล (เบลารุส เกาหลีเหนือ เอริเทรีย และซีเรีย) ซึ่งโหวตต่อต้านมติเพื่อสนับสนุนรัสเซีย แต่จีนร่วมกับอีก 34 ประเทศ ทำได้เพียงงดออกเสียง

หากจีนตัดสินใจที่จะยับยั้งปูติน ก็จะสร้างผลสะเทือน ช่วยหยุดเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจและการทูตที่จำเป็นสำหรับมอสโก ขณะเดียวกัน ช่วยหาประตูกลลับๆ ที่มุมของโถงทางเดิน  ท้ายที่สุด แนวทางที่ดีที่สุดในการจัดการกับหนูที่ถูกต้อนเข้ามุม คือ ปล่อยให้หนูหนีไปก่อนที่มันจะก่อให้เกิดอันตราย