แปลเรียบเรียงจาก https://www.wri.org/insights/current-state-play-financing-loss-and-damage เขียนโดย Preety Bhandari, Nataniel Warszawski and Chikondi Thangata 

ตั้งแต่ปี 2543 ผู้คนกว่า 4 พันล้านคนได้รับผลกระทบ และมีความเสียหายราว 2.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จากภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว นี่คือความจริงที่รู้จักกันในนาม ความสูญเสียและความเสียหาย(loss and damage) และผลกระทบของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีกสองทศวรรษข้างหน้า คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ระบุว่าแม้ว่าโลกจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อย่างรวดเร็ว ก๊าซเรือนกระจกที่อยู่ในชั้นบรรยากาศอยู่แล้วและแนวโน้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบันจะทำให้ผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่สำคัญบางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ไปจนถึงปี 2583 แม้ว่าสิ่งนี้จะต้องไม่ทำให้เราหมดหวังที่จะลงมือทำ แต่ชัดเจนว่าแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศใดๆ จะไม่สมบูรณ์เลยหากไร้ซึ่งปฏิบัติการที่จริงจังและการจัดหาเงินทุนเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้น

ตลอดปี 2562-2563 การจัดหาเงินทุนทั่วโลกโดยเฉลี่ยต่อปีสำหรับปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศอยู่ที่ 632,000 ล้านดอลลาร์ จากจำนวนรวมทั้งหมดนี้ มีประมาณ 90.3% ไปที่มาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(mitigation) และ 7.2% ไปที่การปรับตัว(adaptation) ส่วนที่เหลือ 2.4% เป็นกิจกรรมที่ครอบคลุมทั้งสองอย่าง แม้ว่ามีบางส่วนน่าจะใช้จัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย(loss and damage) แต่ไม่มีการประเมินที่ชัดเจนว่ามีจำนวนเท่าใด และไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจนหรือครอบคลุมถึงกลไกต่างๆ ในการจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายโดยตรงเมื่อเกิดหายนะจากสภาพภูมิอากาศ จากการวิจัยเบื้องต้นของ WRI เพื่อทำความเข้าใจภูมิทัศน์ที่มีอยู่ของการจัดหาเงินทุนสำหรับความสูญเสียและความเสียหาย ในขณะที่มีบางกิจกรรมอาจจัดเป็นการต่อกรกับความสูญเสียและความเสียหาย แต่มักถูกจัดให้เป็นเรื่องของการปรับตัว(adaptation)หรือการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และเงินทุนในปัจจุบันนั้นไม่อาจเทียบได้กับขนาดและขอบเขตทั้งหมดของความสูญเสียและความเสียหาย

ข้อตกลงปารีสกล่าวถึงความสูญเสียและความเสียหายโดยใช้วลี “การหลีกเลี่ยง การลด และการจัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย” ดังนั้น ความสูญเสียและความเสียหายสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (mitigation) และการลดโดยดำเนินการป้องกันไว้ก่อนเพื่อปกป้องชุมชนจากผลที่ตามมาของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (adaptation) การจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายเป็นเสาหลักที่สามที่สำคัญของปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ : การช่วยเหลือผู้คนหลังจากที่พวกเขาประสบกับความสูญเสียและความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ทั้งสามเสาหลักมีความสัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น หากมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวมากขึ้น ความต้องการการสนับสนุนในเรื่องความสูญเสียและความเสียหายก็จะน้อยลง แต่ในทางตรงกันข้ามก็เป็นจริงเช่นเดียวกัน

ความท้าทายในการเข้าถึงการเงินว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหาย

ในการวิเคราะห์ของเรา จะเน้นไปที่กิจกรรมต่างๆ และการเงินที่สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการจัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย เนื่องจากการหลีกเลี่ยงและการลดมีความทับซ้อนกันอย่างมากกับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว เราต้องเข้าใจว่าการดำเนินการเกี่ยวกับความสูญเสียและความเสียหายนั้นเป็นมากกว่าการบรรเทาทุกข์ การฟื้นฟู และการฟื้นตัวจากภัยพิบัติ ซึ่งรวมถึงการย้ายถิ่นและการตั้งถิ่นฐานใหม่อย่างปลอดภัย และความปลอดภัยระยะยาวเพื่อสร้างชีวิตและการดำรงชีวิตขึ้นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความสูญเสียที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจและเหตุการณ์ที่เริ่มเกิดขึ้นช้าทำให้ยากต่อการกำหนดว่าอะไรคือความสูญเสียและความเสียหาย

เนื่องจากไม่มีคำจำกัดความอย่างเป็นทางการสำหรับความสูญเสียและความเสียหาย จึงไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างการจัดหาเงินทุนเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แม้ว่าทั้งสองจะทับซ้อนกันได้ แต่ก็ไม่เหมือนกัน : ความช่วยเหลือเป็นหลักในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ ในขณะที่การจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายอาจเกี่ยวข้องกับการตอบสนองในทันที แต่ยังรวมถึงมาตรการเชิงรุก เช่น กองทุนฉุกเฉินและการประกันภัย เพื่อสร้างความแตกต่างให้ชัดเจนระหว่างสองสิ่งนี้ จำเป็นต้องมีคำจำกัดความในการจัดการกับการสูญเสียและความเสียหาย แต่การสนทนาที่พยายามจะตกลงในคำจำกัดความหรือขอบเขตอาจกลายเป็นประเด็นทางการเมืองได้อย่างรวดเร็ว ผู้เจรจาและผู้กำหนดนโยบายต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายในการสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบด้วยการระดมทรัพยากร ในกรณีของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การสนทนาต้องเน้นที่ช่องว่างของเงินทุนและให้แน่ใจว่ากองทุนเพื่อมนุษยธรรมที่มีอยู่จะไม่ถูกเบี่ยงเบนหรือติดฉลากใหม่

ผลกระทบเพิ่มเติมจากการขาดคำจำกัดความ(ของ Loss and Damage) นี้ คือข้อมูลทางการเงินในปัจจุบันที่เปิดเผยต่อสาธารณะนั้นไม่ระบุอย่างชัดเจนในงบประมาณของรัฐบาลหรือสถาบันว่าจัดสรรไว้สำหรับความสูญเสียและความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะที่บางองค์กรกำลังรวบรวมกรณีศึกษาเพื่อแบ่งปันบทเรียนที่ได้รับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดว่าด้วยเรื่องการเงินเรื่องความสูญเสียและความเสียหาย ทำให้กรณีศึกษาเหล่านี้ค้นหาและเรียนรู้ได้ยากขึ้น

เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับสถานะของการเงินว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหาย

หากไม่มีคำจำกัดความที่ตกลงกันหรือวิธีการจัดประเภทกิจกรรมที่เกี่ยวกับความสูญเสียและความเสียหายอย่างเป็นระบบ ยากมากที่จะระบุถึงการเงินว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหายที่มีอยู่ การวิจัยเบื้องต้นนี้ประมาณการการเงินที่มีอยู่โดยการระบุถึงกระแสที่อาจรวมถึงแหล่งข้อมูลบางส่วนสำหรับการจัดการความสูญเสียและความเสียหายในช่องทางแบบพหุภาคี ทวิภาคี ในประเทศ การกุศล และส่วนตัว

จากการวิเคราะห์เบื้องต้น แหล่งข้อมูลพหุภาคีเพียงแหล่งเดียวในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ที่ดูเหมือนว่าจะให้เงินทุนใดๆ ในการจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายคือ Green Climate Fund (GCF) การศึกษาที่อ้างโดย IPCC ในรายงานเมื่อเดือนมีนาคม 2565 พบว่าประมาณ 24% ของโครงการ GCF ที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดอ้างถึงความสูญเสียและความเสียหาย ในขณะที่กลุ่มย่อยซึ่งคิดเป็น 16% ของโครงการทั้งหมดกล่าวถึงความสูญเสียและความเสียหายที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมหลักอย่างชัดเจน GCF ได้รับคำสั่งจากประเทศต่างๆ ให้สนับสนุนด้านความสูญเสียและความเสียหายในขอบเขตที่เข้ากันได้กับกรอบการลงทุนและผลลัพธ์ (ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงความสูญเสียและความเสียหายอย่างชัดเจน) โอกาสและโครงสร้างที่มีอยู่ และการตอบสนองต่อสาขางานด้านกลไกระหว่างประเทศว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหาย(Warsaw International Mechanism on Loss and Damage) ในรายงานประจำปี 2563 GCF เน้นย้ำถึงการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อต่อกรกับเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ(slow onset events) เช่น การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล การจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุม เช่น การลงทุนในระบบเตือนภัยล่วงหน้าและการประกันภัยการเกษตรตามดัชนีสภาพอากาศ และการจัดการกับความสูญเสียที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ เช่น การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำสำหรับบริการเชิงนิเวศ

แหล่งการเงินที่เหลือภายใต้กลไก UNFCCC เช่น กองทุนประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (LDCF), กองทุนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศพิเศษ (SCCF) และกองทุนการปรับตัว (AF) – ดูเหมือนจะให้เงินทุนสำหรับการปรับตัวเท่านั้น เครือข่าย Santiago Network ว่าด้วยการสูญเสียและความเสียหายซึ่งมีการตกลงหน้าที่ที่ COP26 ในกลาสโกว์กำลังมุ่งให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคเกี่ยวกับความสูญเสียและความเสียหายเท่านั้น

นอกจากกลไกทางการเงินของ UNFCCC แหล่งที่มาหลักของการจัดหาเงินทุนแบบพหุภาคีเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายคือ Global Facility for Disaster Reduction and Recovery (GFDRR), Global Risk Financing Facility (GRiF) และธนาคารเพื่อการพัฒนาพหุภาคีต่างๆ อย่างไรก็ตาม หากปราศจากคำจำกัดความที่ชัดเจนของความสูญเสียและความเสียหาย เป็นการยากที่จะพูดด้วยความมั่นใจว่าการจัดหาเงินทุนจากแต่ละหน่วยงานเหล่านี้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาความสูญเสียและความเสียหายจริง ๆ มากน้อยเพียงใด GFDRR รายงานในสามประเด็นที่อาจซ้อนทับกับการจัดการด้านความสูญเสียและความเสียหาย : การคุ้มครองทางการเงินที่ลงลึกขึ้น (เงินทุนรวม 55.8 ล้านดอลลาร์ ณ เดือนมิถุนายน 2564) การสร้างภูมิคุ้มกันด้านสภาพภูมิอากาศในระดับชุมชน (94.3 ล้านดอลลาร์) และการเปิดใช้งานการฟื้นคืนภูมิคุ้มกันด้านสภาพภูมิอากาศ (10.2 ล้านดอลลาร์) โดยการสนับสนุนจาก GFDRR ดูเหมือนว่า GRiF จะจัดหาการเงินผ่านกลไกการประกันภัย

นอกเหนือจากกองทุนเหล่านี้ Climate Vulnerable Forum (CVF) กลุ่มพันธมิตรของประเทศที่เปราะบางด้านสภาพอากาศ และ Vulnerable Twenty Group (V20) กลุ่มรัฐมนตรีคลังของประเทศ CVF ประกาศถึงโอกาสเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายภายใต้กองทุนทรัสต์ซึ่งมีผู้บริจาครายหลายรายที่มีอยู่ ซึ่งคาดว่าจะจัดทำต้นแบบโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะสำหรับการสูญเสียและความเสียหายภายใต้ UNFCCC

การพิจารณาความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) โดยใช้ข้อมูล OECD เกี่ยวกับ ODA ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติเป็นตัวเปรียบเทียบ เงินช่วยเหลือระหว่างประเทศจำนวน 133,000 ล้านดอลลาร์หรือ 11% เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติตั้งแต่ปี 2553-2562 (โดยมีข้อแม้ว่าจำนวนนี้ยังรวมถึงภัยพิบัติที่เกิดจากธรณีฟิสิกส์ เช่น แผ่นดินไหว) จากทั้งหมดนี้ 90.1% จัดสรรเพื่อการรับมือเหตุฉุกเฉิน 5.8% จัดสรรเพื่อการบรรเทาทุกข์และการฟื้นฟูบูรณะ และ 4.1% เพื่อการป้องกันและเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ในขณะที่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อแยกย่อยเงินจำนวน 133,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนเงินเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ODA เป็นแหล่งการเงินที่สำคัญที่อาจจัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย

ในขณะเดียวกัน หลายประเทศจัดตั้งกองทุนแห่งชาติเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายจากภัยพิบัติ สิ่งเหล่านี้อาจมีบทบาทสำคัญในสถาปัตยกรรมทางการเงินในท้ายที่สุดเพื่อจัดการกับการสูญเสียและความเสียหาย คำถามสำคัญคือกองทุนระดับชาติเหล่านี้สามารถปรับให้ได้รับเงินทุนระหว่างประเทศและสอดคล้องกับวาระของ UNFCCC ได้มากน้อยเพียงใด

กลุ่มผู้เล่นภาคเอกชนซึ่งรวมถึงครัวเรือน ธุรกิจ และนักลงทุน – ผ่านการเผชิญปัญหา การบริหารความเสี่ยง และกลไกการถ่ายโอนภัยพิบัติ – เป็นอีกแหล่งเงินทุนที่มีศักยภาพซึ่งไม่มีชุดข้อมูลที่ครอบคลุม

สุดท้ายที่ COP26 องค์กรการกุศลต่างๆ เช่น Children’s Investment Fund Foundation, European Climate Foundation, Global Green Grants Fund, Hewlett Foundation และ Open Society Foundation ให้คำมั่นสัญญา 3 ล้านดอลลาร์เพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย COP26 ยังเห็นคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลสกอตแลนด์และวัลโลเนียซึ่งให้เงิน 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.5 ล้านดอลลาร์) และ 1 ล้านยูโร (ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์) ตามลำดับ

แหล่งการเงินที่กล่าวมาทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงขอบเขตบางประการสำหรับการจัดการกับกรณีที่เกิดความสูญเสียและความเสียหายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแหล่งเงินทุนมากมายสำหรับการแก้ปัญหาความสูญเสียและความเสียหาย แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกันเพื่อให้มีการจัดหาเงินทุนคุณภาพสูง เข้าถึงได้ และเหมาะสมกับวัตถุประสงค์มากขึ้น

ข้อพิจารณาหลักสำหรับการเงินระหว่างประเทศเพื่อจัดการเรื่องความสูญเสียและความเสียหาย

มีข้อควรพิจารณาที่สำคัญเมื่อออกแบบกลไกการจัดหาเงินทุนเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย จากการวิจัยเบื้องต้นของเรา

ประการแรกคือการทำให้แน่ใจว่าการจัดหาเงินทุนเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายนั้นเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ การจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายครอบคลุมหลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วไปจนถึงเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และด้านเศรษฐกิจไปจนถึงความสูญเสียและความเสียหายที่ไม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้อาจต้องใช้แนวทางที่แตกต่างกันในการจัดหาเงินทุน ทำให้ความสามารถในการสร้างรูปแบบที่กระชับ คำจำกัดความ หรือความเข้าใจใน “การจัดหาเงินทุนเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหาย” กลไกทางการเงินใด ๆ จะต้องมีความยืดหยุ่นเพื่อสามารถให้การสนับสนุนที่เหมาะสม

การวิเคราะห์เบื้องต้นที่ดำเนินการแสดงให้เห็นว่าการเงินส่วนใหญ่ที่อาจจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายดูเหมือนจะเน้นไปที่ภัยพิบัติที่เริ่มเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีข้อจำกัดและการเข้าถึงการเงินสำหรับภัยพิบัติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ และความสูญเสียและความเสียหายที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

และที่สำคัญ การจัดหาเงินทุนเพื่อแก้ไขปัญหาความสูญเสียและความเสียหายควรตรงไปยังผู้มีอำนาจตัดสินใจในระดับพื้นที่หากเป็นไปได้และเหมาะสม

กองทุนด้านสภาพภูมิอากาศและความไม่เป็นธรรม

ในปี 2563 ความสูญเสียจากภัยพิบัติที่เกิดจากภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากวิกฤตสภาพอากาศนั้นมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 210,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก งานวิจัยชิ้นหนึ่งคาดการณ์ว่าความเสียหายที่เหลือทั้งหมดสำหรับภูมิภาคที่ไม่อยู่ในกลุ่มประเทศภาคผนวก 1 อยู่ในช่วงตั้งแต่ 290,000-580,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2573 เป็น 551,000 ล้านดอลลาร์-1.016 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2583 และ 1.132–1.741 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2593

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่การจัดหาเงินทุนสำหรับความสูญเสียและความเสียหายจัดเป็นประเด็น “ความเป็นธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ” คือเรื่องราวของความสูญเสียและความเสียหายเองก็มีความไม่เท่าเทียมกัน ความสูญเสียและความเสียหาย 1 ดอลลาร์สำหรับครอบครัวที่ยากจนมีผลแตกต่างกันมากเมื่อเทียบกับความสูญเสียและความเสียหาย 1 ดอลลาร์สำหรับครอบครัวที่ร่ำรวย สถานะทางเศรษฐกิจและสังคมกำหนดผลกระทบของภาระทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และยังกำหนดว่าใครสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางสังคมหลังจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว รายงานแสดงให้เห็นว่าหลังเกิดน้ำท่วมและดินถล่มในเนปาลในปี 2554 90% ของผู้มีฐานะร่ำรวยเข้าถึงการสนับสนุนจากรัฐบาล ในขณะที่มีเพียง 6% ของคนจนเท่านั้นที่ทำได้

ก้าวต่อไป

ในการประชุม COP27 ที่อียิปต์ในเดือนพฤศจิกายน 2565 รัฐบาลของประเทศต่างๆจำเป็นต้องตรวจสอบแนวทางการจัดหาเงินทุนเพื่อจัดการกับความสูญเสียและความเสียหายอันเป็นผลมาจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลสามารถขอคำแนะนำและการสนับสนุนจากกลุ่มผู้เล่นที่ไม่ใช่ภาครัฐได้เมื่อจำเป็น กลุ่มสำนักคิดต่างๆ เครือข่าย และกลุ่มแนวร่วมต่างพิจารณาถึงการจัดหาเงินทุนด้านความสูญเสียและความเสียหาย และพยายามตอบคำถามที่สำคัญว่าด้วย “ใคร” “อะไร” และ “อย่างไร”

วิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่า ความสูญเสียและความเสียหายที่เกิดจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศจะคงอยู่และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องแน่ใจว่ากลุ่มผู้ที่เปราะบางที่สุดในโลกจะมีทรัพยากรที่จำเป็นในยามวิกฤต จำเป็นต้องมีการวิจัยและการวิเคราะห์เพิ่มเติม แต่ผู้กำหนดนโยบายต้องแน่ใจว่าได้นำข้อมูลอันมีค่านี้ไปพัฒนาทางออกที่เป็นรูปธรรมซึ่งจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คนนับพันล้าน