นอกเหนือจากอุตสาหกรรมน้ำมัน อุตสาหกรรมถ่านหินในสหรัฐอเมริกาเป็นกลุ่มเจรจาผลประโยชน์ที่ทรงอำนาจ หัวใจสำคัญของพวกเขาคือการดิสเครดิตการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990s บริษัทถ่านหินและสมาคมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้เงินทุนนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายออกมาโต้แย้งประเด็นโลกร้อน แล้วก็ทำได้สำเร็จด้วย ในปี 2557 สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับริกัน 8 คนเท่านั้นที่รับรู้ว่า วิทยาศาสตร์ว่าด้วยโลกร้อนนั้นพิสูจน์ได้ อีก 278 คนปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องนี้ ซึ่งสะท้อนถึงแบบแผนการอัดฉีดเงินกว่า 57 ล้านเหรียญของอุตสาหกรรมถ่านหินให้กับนักการเมืองอเมริกัน โดยร้อยละ 84 อัดฉีดให้กับบรรครีพับริกัน ในช่วงปี 2533-2557
แนวร่วมเพื่อไฟฟ้าจากถ่านหินสะอาดของอเมริกาเป็นสมาคมของนักเจรจาผลประโยชน์ หรือกล่าวง่ายๆว่า เป็นขาใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยทำงานเพื่อต่อต้านกฎขัอบังคับต่างๆ ที่จะเอามาใช้ในภาคอุตสาหกรรมถ่านหิน รวมถึงนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนสภา American Legislative Exchange Council ที่เป็นพวกอนุรักษ์นิยมก็มีทั้งผู้ออกกฎหมายของรัฐต่างๆ และได้เงินทุนมาจากภาคพลังงานรวมทั้ง “ขาใหญ่” ในอุตสาหกรรมถ่านหิน ในปี 2556/2557 กลุ่มเจรจาผลประโยชน์นี้ทำงานต่อต้านการขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนอย่างน้อยที่สุด 16 รัฐของอเมริกา
นักเจรจาผลประโยชน์ทำทุกอย่างตั้งแต่การร่างกฎข้อบังคับต่างๆ ที่ป้องกันมิให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ของภาคเอกชนเชื่อมต่อกับสายส่ง ไปจนถึงการสู้กับองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐ(USEPA) และนโยบายโลกร้อนของ ปธน.โอบามา พวกกลุ่มเจรจาผลประโยชน์นี้ไม่เว้นแม้แต่โรงเรียน โครงการพลังงานศึกษาของ The Kentucky Coal ผลิตเอกสารเผยแพร่ที่ให้ข้อมูลด้านเดียวในเรื่องถ่านหิน
จากกราฟแท่งสีม่วง เราจะเห็นเงินอัดฉีด(หน่วยเป็นล้านเหรียญ)ให้นักการเมืองจากอุตสาหกรรมถ่านหินในสหรัฐอเมริกามีแต่เพิ่มขึ้น
ที่ไหนมีการเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศและพลังงาน อุตสาหกรรมถ่านหินต้องการส่งเสียงของตน แล้วพวกเขาก็ทำสำเร็จด้วย
นับตั้งแต่ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบทบาทของเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นเรื่องร้อน อุตสาหกรรมถ่านหินได้เข้าไปมีส่วนในวิวาทะและใช้พลังทางเศรษฐกิจและการเมืองเพื่อปกป้องผลประโยขน์อันคับแคบของตน ในทศวรรษ 1990s พวกเขารวมหัวต้านงานวิจัยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บริษัทอุตสาหกรรมถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่งซึ่งรู้จักกันในนาม “ขาใหญ่ถ่านหิน(Big Coal)” ได้พยายามทำการถ่วงเวลาการปฏิบัติการเพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ ส่วนบริษัทถ่านหินหลายแห่งที่เป็นรัฐวิสาหกิจ เช่นในโปแลนด์ สาธารณรัฐเชค อินเดียและจีน ก็มีบทบาทสำคัญในการทำลายความคืบหน้าของการปฏิรูปพลังงานในประเทศ
ภาคอุตสาหกรรมถ่านหินมักจะมีที่นั่งอยู่ในการประชุมที่นำไปสู่การตัดสินใจทางการเมือง ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2550 เมื่อ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีเป็นประธานของสหภาพยุโรปและจัดการประชุมสุดยอด G8 summit ณ ชายฝั่งทะเลบอลติก รัฐบาลเยอรมนีได้แต่งตั้งนาย Lars Göran Josefsson ให้เป็นที่ปรึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วงเวลานั้นนาย Josefsson เป็นหัวหน้าใหญ่ของ Vattenfall บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ใน Lusatia ทางเขตตะวันออกของเยอรมนี ต่อมาเขาได้เป็นที่ปรึกษาให้กับนายบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ