เรียบเรียงจาก https://www.theguardian.com/us-news/2024/apr/14/climate-disinformation-explainer?CMP=twt_a-environment_b-gdneco

Amy Westervelt และ Kyle Pope รายงานข่าวว่าด้วยการบิดเบือนข้อมูลด้านวิกฤตสภาพภูมิอากาศมาเป็นเวลารวมๆ 20 ปีแล้ว นี่คือคําแนะนําของพวกเขาว่าเราจะถอดรหัสการบิดเบือนอย่างไร

การบิดเบือนข้อมูลที่ซับซ้อนและมีเงินทุนสนับสนุนเป็นอย่างดีมากขึ้นทําให้การรายงานข่าวด้านสภาพภูมิอากาศยากขึ้นทั้งตัวนักข่าวในการผลิตสื่อและตัวสาธารณชนเองที่ต้องเข้าใจและให้ความเชื่อมั่น

แต่การบอกเล่าเรื่องราวและการทําความเข้าใจไม่เคยเป็นเรื่องเร่งด่วนเท่านี้มาก่อน เมื่อพิจารณาว่าราวครึ่งหนึ่งของประชากรโลกมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ซึ่งอาจมีผลต่อความสามารถของโลกในการดําเนินการให้ทันเวลาเพื่อป้องกันวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายที่สุด

เป็นเวลา 30 ปีจากการโฆษณาชวนเชื่อของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล สื่อมวลชนมีแนวโน้มที่จะขยายความเท็จโดยไม่รู้ตัวในขณะที่สื่อมวลชนนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลไปด้วย เพียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่นักข่าวจํานวนมากขึ้นเริ่มถอยห่างจากการรายงานข่าวแบบสองด้าน (both-sides-ing) ว่าด้วยวิกฤตสภาพภูมิอากาศ – หลายทศวรรษหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์บรรลุฉันทามติอย่างท่วมท้นเกี่ยวกับขอบเขตของปัญหาและสาเหตุ (ของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ)

ข่าวดีก็คือในขณะที่กลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลเปลี่ยนไป เรื่องราวที่พวกเขาบอกไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักในแต่ละปี เพียงแค่ปรับเปลี่ยนไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก

ตัวอย่างเช่น เมื่อนักการเมืองพูดถึงค่าใช้จ่ายในการดําเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ พวกเขามักจะอ้างถึงแบบจําลองทางเศรษฐกิจที่ทำโดยอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งละทิ้งต้นทุนของการไม่ดําเนินการและเพิ่มขึ้นทุกปีที่ผ่านไป เมื่อนักการเมืองกล่าวว่านโยบายด้านสภาพภูมิอากาศจะเพิ่มต้นทุนก๊าซหรือพลังงาน พวกเขาเชื่อว่านักข่าวจะไม่รู้ว่าการกําหนดราคาก๊าซหรือพลังงานทํางานอย่างไร หรืออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลมีส่วนการตัดสินใจมากน้อยเพียงใด ยังไม่ต้องพูดถึงการล็อบบี้ให้เงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยเฉพาะ หรือการต่อต้านนโยบายที่สนับสนุนพลังงานหมุนเวียน

1) ความมั่นคงทางพลังงาน

ตั้งแต่การเติมไฟให้สงครามไปจนถึงการรักษาความมั่นคงของชาติ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลชอบที่จะส่งเสียงว่าตนมีบทบาทในการรักษาโลกให้ปลอดภัย ไม่เว้นแต่ตอนที่เข้าไปร่วมในการผลักดันนโยบายที่เกือบเป็นหายนะในทางภูมิรัฐศาสตร์ ในบริบทของความมั่นคงของชาติ เป็นที่น่าสังเกตว่ากองทัพสหรัฐฯ เริ่มให้ทุนสนับสนุนโครงการ net-zero ในปี 2555 และระบุให้วิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นตัวคูณภัยคุกคามใน Quadrennial Defense Review เมื่อทศวรรษที่แล้ว แต่บริษัทน้ํามันและกลุ่มการค้าของพวกเขาเพิกเฉยต่อความเป็นจริงนั้น และยืนยันว่าภัยคุกคามอยู่ที่การลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลแทน

ก๊าซเผาไหม้จากปลายปล่องใกล้กับหอเจาะก๊าซโดยใช้เทคนิค hydraulic fracturing ในพื้นที่ชนบทของ Weld County ทางตอนเหนือของโคโลราโด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเจาะก๊าซฟอสซิลมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีการเจาะหลุมก๊าซมากกว่า 20,000 หลุมพร้อมแผนการเจาะเพิ่มอีก 60,000 หลุม หลุมเจาะก๊าซฟอสซิลหลายแห่งอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนและบ้านเรือนหนาแน่น สนามกอล์ฟ และฟาร์ม

เราได้เห็นสิ่งนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้ในข้อความของอุตสาหกรรมว่าด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อมีมาก่อนที่ปูตินจะผลักดันแนวคิดที่ว่าการบูมของก๊าซฟอสซิลเหลว (LNG) ทั่วโลกนั้นช่วยแก้ไขการขาดแคลนพลังงานระยะสั้นในยุโรป อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลเงียบอย่างเห็นได้ชัดกรณีสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ แต่กําลังผลักดันข้อความ “เราทําให้คุณปลอดภัย” ท่ามกลางความไร้เสถียรภาพของโลก ในสหรัฐอเมริกา เรื่องเล่าด้านความมั่นคงทางพลังงานมักมีนัยยะเรื่องชาตินิยมโดยใช้ข้อความที่ผลักดันผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงระดับโลกของเชื้อเพลิงฟอสซิลของสหรัฐฯ ที่เหนือกว่าประเทศอย่างกาตาร์หรือรัสเซีย

เป็นความจริงที่การพึ่งตนเองด้านพลังงานมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ไม่มีกฎที่บอกว่าพลังงานต้องมาจากไฮโดรคาร์บอน อันที่จริง มีการศึกษาอย่างดีว่า การพึ่งพาแหล่งพลังงานที่เสี่ยงต่อความต้องการของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โลกและความขัดแย้งระดับโลกนั้นเป็นสูตรของความผันผวน

2) เศรษฐกิจ V สิ่งแวดล้อม

ในปี 2487 เมื่อดูเหมือนว่าสงครามโลกครั้งที่สองจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า เอิร์ล นิวซัม กูรูด้านประชาสัมพันธ์ได้รวบรวมลูกค้าองค์กรของเขา ซึ่งรวมถึงสแตนดาร์ดออยล์แห่งนิวเจอร์ซีย์ (เอ็กซอนโมบิลในปัจจุบัน) ฟอร์ด จีเอ็ม และโพรคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล และสร้างกลยุทธ์ลับสุดยอดหลังสงครามเพื่อให้ประชาชนสหรัฐเชื่อมั่นใน “คุณค่าของระบอบการค้าเสรี”

ตั้งแต่หลักสูตรของโรงเรียนไปจนถึงแอนิเมชั่นขนาดสั้นที่ฮอลลีวูดสร้างขึ้น ไปจนถึงการนําเสนอในอุตสาหกรรมไปจนถึงการสัมภาษณ์สื่อ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลได้เน้นย้ำถึงธีมเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่ามานานหลายทศวรรษ และในการเคลื่อนไหวแบบคลาสสิก โฆษกของอุตสาหกรรมชี้ไปที่การศึกษาที่ทำโดยกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น American Petroleum Institute เพื่อพิสูจน์ว่าการดูแลสิ่งแวดล้อมนั้นก่อผลเสียต่อเศรษฐกิจอย่างไร

ที่ตั้งโรงงานของ OMV & Borealis Schwechat ตั้งอยู่ติดกับกรุงเวียนนา เป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการกลั่นน้ํามัน ผลิตพลาสติกและสารเคมีอื่น ๆ รูปภาพแสดงให้การเผาไหม้ก๊าซฟอสซิล แต่การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ มีสิ่งที่ยังคงซ่อนอยู่ในสายตา กล้องพิเศษเผยให้เห็น : การปล่อยมลพิษบางครั้งเคลื่อนตัวในระยะทางไกลและยังคงมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งหมายความว่าปริมาณมหาศาลของการรั่วไหลสามารถสันนิษฐานได้และการปล่อยมลพิษขึ้นอยู่กับสภาพอากาศก็สามารถมีผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ

ในปี 2564 บทความ “Weaponizing Economics” ที่ผ่านการทบทวนได้ติดตามกิจกรรมของกลุ่มที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจที่ได้รับการว่าจ้างจากอุตสาหกรรมปิโตรเลียมมานานหลายทศวรรษ “พวกเขาผลิตการวิเคราะห์ที่ทั้งบริษัทและนักการเมืองใช้ … เพื่อบอกสาธารณชนว่าการดําเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศจะแพงเกินไป และไม่ว่าในกรณีใด วิกฤตสภาพภูมิอากาศจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทําคือไม่ทําอะไรเลย” เบน ฟรานตา ผู้เขียนบทความร่วม และหัวหน้าห้องปฏิบัติการคดีสภาพภูมิอากาศที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดกล่าว

กลยุทธ์เหล่านี้ยังปรากฏในโฆษณาที่เตือนเราให้สร้างสมดุลระหว่างความปรารถนาที่จะลดการปล่อยมลพิษกับความจําเป็นในการทําให้เศรษฐกิจดําเนินต่อไป โฆษณาของ BP หนึ่งรายการเมื่อเร็ว ๆ นี้บนพอดคาสต์ NPR, New York Times และ Washington Post ระบุว่าน้ํามันและก๊าซคืองาน และโต้แย้งการขยายระบบพลังงานหมุนเวียนแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล

3) “เราสร้างชีวิตให้คุณ”

อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลชอบที่จะโต้แย้งว่าพวกเขาทําให้โลกทํางานได้ ตั้งแต่การทำให้ไฟฟ้ามีใช้ไปจนถึงการทําให้เรารู้สึกอุ่นใจด้วยสมาร์ทโฟนและทีวี และสวมเสื้อผ้าจากฟาสต์แฟชั่น อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นอัจฉริยะ : สร้างผลิตภัณฑ์ สร้างความต้องการผลิตภัณฑ์ แล้วกล่าวโทษผู้บริโภคที่นอกจากไม่ซื้อแล้ว ยังมีส่วนก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ด้วย

เจ้าหน้าที่กู้ภัย อาสาสมัครท้องถิ่น และบุคลากร ปตท. พยายามทําความสะอาดน้ํามันรั่วไหลที่หาดอ่าวพร้าว ในเกาะเสม็ด จ.ระยอง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการรั่วไหลของน้ํามัน น้ํามันดิบกว่า 50,000 ลิตร รั่วไหลลงสู่ทะเล ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 20 กิโลเมตร หลังจากรั่วไหลจากท่อส่งน้ํามันนอกชายฝั่ง ท่อส่งก๊าซดําเนินการโดย บริษัท ปตท. โกลบอล เคมิคอล จํากัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) (บริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย) กรีนพีซเรียกร้องให้รัฐบาลไทยทบทวนนโยบายด้านพลังงานและยุติการขุดเจาะและสํารวจน้ํามันในอ่าวไทย

“โดยพื้นฐานแล้วนี่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ” Robert Brulle นักสังคมวิทยาสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยบราวน์กล่าว “และคุณไม่จําเป็นต้องใช้คําว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” สิ่งที่อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลกําลังทําคือพวกเขากําลังเพาะเมล็ดในจิตไร้สํานึกโดยรวมว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลเท่ากับความก้าวหน้าและชีวิตที่ดี”

โฆษณาอย่างแคมเปญ “Our Lives Are Petroleum” ของ Energy Transfer Partners ซึ่งดําเนินการมาตั้งแต่ปี 2564 ยังมีจุดประสงค์เพื่อทําให้ประนามผู้คนไม่ให้ส่งเสียงถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศเว้นแต่จะตัดไฮโดรคาร์บอนจากชีวิตของตนเองได้สําเร็จ ตรรกะก็จะเป็น : ถ้าคุณใช้โทรศัพท์หรือขับรถ หรือจริงๆ แล้ว ถ้าคุณอยู่ในโลกสมัยใหม่เลย คุณคือปัญหา ไม่ใช่บริษัทอุตสาหกรรมที่ทํางานมานานหลายทศวรรษเพื่อทําให้ผลิตภัณฑ์ของตนดูเหมือนขาดไม่ได้และปิดกั้นทางเลือกอื่นๆ

4) “เราเป็นส่วนหนึ่งของทางออก”

ไม่มีอะไรขัดขวางกฎระเบียบได้เหมือนกับคําสัญญาของการแก้ปัญหาโดยสมัครใจที่ทําให้ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลกําลังพยายามจริงๆ การเปิดเผยในปี 2563 ห้องข่าวสืบสวนของกรีนพีซ Unearthed บันทึกนักเจรจาหว่านล้อมของ Exxon ด้วยวิดีโออธิบายว่ากลยุทธ์นี้ทํางานร่วมกับภาษีคาร์บอนเพื่อต่อต้านกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษและวิธีที่บริษัทดําเนินการตามกลยุทธ์เดียวกันกับพลาสติก Keith McCoy ทํางานร่วมกับสภาเคมีแห่งอเมริกาเพื่อเปิดตัวมาตรการโดยสมัครใจ เช่น “การรีไซเคิลขั้นสูง” กล่าวว่าเป้าหมายคือ “นําหน้าการแทรกแซงของรัฐบาล”

เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ McCoy อธิบายว่าหากอุตสาหกรรมทําให้ดูเหมือนว่ากําลังทํางานเพื่อแก้ปัญหา ก็สามารถยกเลิกพลาสติก single-use โดยสิ้นเชิงได้ วันนี้ เรื่องเล่าแสดงให้เห็นจากการที่อุตสาหกรรมผลักดันการดักจับคาร์บอน เชื้อเพลิงชีวภาพ และไฮโดรเจนที่มีก๊าซมีเทน เช่น ไฮโดรเจนสีน้ําเงิน สีม่วง และเทอร์ควอยซ์ เรายังเห็นเรื่องเล่าในการยอมรับคําว่า “คาร์บอนต่ำ” ของอุตสาหกรรม เพื่ออธิบายทางออกที่เอื้อต่อเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น การดักจับคาร์บอน แต่ยังรวมถึง “ก๊าซธรรมชาติ” ซึ่งนักล็อบบี้ภาคอุตสาหกรรมประสบความสําเร็จในการขายให้กับนักการเมืองในฐานะทางออกของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

5) “เพื่อนบ้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”

ในกรณีที่ผู้คนยังไม่ยอมรับถึงอากาศสกปรก น้ําสกปรก และวิกฤตสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลให้เงินทุนแก่พิพิธภัณฑ์ กีฬา พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ํา และโรงเรียน โดยมีจุดประสงค์สองประการในการฟอกเขียวและทําให้ชุมชนรู้สึกต้องพึ่งพาอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยที่จะวิพากษ์วิจารณ์

ทั้งนักข่าวและผู้รับสารมีพลังในการต่อสู้กับการบิดเบือนข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศ การทําความเข้าใจเรื่องเล่าคลาสสิกของอุตสาหกรรมถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

การทลายมายาคติคือขั้นตอนสำคัญต่อไป

Amy Westervelt is an award-winning investigative climate journalist, founder of Critical Frequency, and executive editor of Drilled Media

Kyle Pope is executive director of strategic initiatives and co-founder of Covering Climate Now, and a former editor and publisher of the Columbia Journalism Review