

ช่วงบ่ายของวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 เกิดหิมะถล่มขนาดใหญ่จากธารน้ำแข็งเบิร์ช (Birchgletscher) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มวลหินและน้ำแข็งถาโถมลงสู่หุบเขาเบื้องล่าง ฝังกลบหมู่บ้านแบลตเทิน (Blatten) เกือบทั้งหมู่บ้าน และปิดกั้นทางน้ำของแม่น้ำลอนซา (Lonza) จนทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่มวลหินจากยอดเขาที่กำลังพังทลายสะสมอยู่บนธารน้ำแข็ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่เร่งให้ธารน้ำแข็งพังถล่มในที่สุด
เครื่องมือ OLI-2 (Operational Land Imager-2) บนดาวเทียม Landsat 9 ได้บันทึกภาพของซากถล่มในหุบเขาแม่น้ำลอนซาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 หนึ่งวันหลังจากเกิดเหตุดินถล่ม โดยเปรียบเทียบกับภาพจาก OLI บน Landsat 8 ที่ถ่ายในวันที่ 19 มิถุนายน 2024 ก่อนเกิดเหตุประมาณหนึ่งปี
เส้นทางของมวลถล่มไหลลงจากฝั่งใต้ของหุบเขา จากยอดเขา Kleiner Nesthorn มุ่งสู่หมู่บ้านแบลตเทิน แรงของเหตุการณ์รุนแรงจนมวลซากถล่มสามารถไต่ขึ้นไปได้สูงถึง 240 เมตร (790 ฟุต) บนฝั่งตรงข้ามของหุบเขา มวลหินและน้ำแข็งพัดถล่มลงมาระยะทาง 2.5 กิโลเมตร (1.6 ไมล์) ปิดกั้นแม่น้ำและทำให้หมู่บ้านบางส่วนถูกน้ำท่วม
นักวิทยาศาสตร์เฝ้าติดตามธารน้ำแข็งเบิร์ชมาตั้งแต่ช่วงปี 1990s หลังจากเกิดหิมะถล่มหลายครั้งในพื้นที่นี้ แม้ว่าส่วนบนของธารน้ำแข็งจะบางลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่บริเวณปลายธารกลับหนาขึ้นถึง 15 เมตร (50 ฟุต) ซึ่งน่าจะเป็นเพราะถูกปกคลุมด้วยหินจนเป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้ไม่ละลาย
ความไม่เสถียรบนเนินเขาเหนือธารน้ำแข็งเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ทำให้มีการอพยพประชาชนออกจากหมู่บ้านแบลตเทินภายในวันที่ 19 พฤษภาคม ผู้สังเกตการณ์พบการพังทลายของหินจากยอดเขา Kleiner Nesthorn บ่อยครั้ง และมีมวลซากถล่มสะสมที่ส่วนล่างของธารน้ำแข็งเบิร์ชเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภายในวันที่ 27 พฤษภาคม หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ ธารน้ำแข็งมีการเคลื่อนตัวลงเขาเร็วขึ้นมาก โดยเคลื่อนที่ประมาณ 10 เมตร (33 ฟุต) ต่อวัน ตามรายงานของ ETH Zürich
นักวิทยาศาสตร์ยังคงสืบสวนปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ บางคนตั้งข้อสังเกตว่า แรงกดจากหินที่พังถล่มใหม่อาจทำให้ธารน้ำแข็งละลายจากด้านล่าง ซึ่งการเพิ่มขึ้นของน้ำหลอมละลายจะทำให้ธารน้ำแข็งสูญเสียแรงเสียดทานกับพื้นดิน และลื่นไถลได้ง่ายขึ้น พื้นที่ที่มีน้ำแข็งถาวร (permafrost) บนที่สูงอาจมีบทบาทเช่นกัน เพราะหาก permafrost ละลาย น้ำจะสามารถซึมลงสู่ชั้นหินและทำให้เนินเขาไม่มั่นคง อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเชื่อมโยงโดยตรงระหว่าง permafrost กับการพังทลายของหินในเหตุการณ์นี้ได้
การพังทลายของธารน้ำแข็งในระดับนี้ถือว่าผิดปกติในเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ และไม่ค่อยพบว่าธารน้ำแข็งที่มีความลาดเอียงน้อยจะก่อให้เกิดหิมะถล่มขนาดมหึมาแบบนี้ แต่ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์หิมะถล่มจากหินและน้ำแข็งลักษณะนี้ในภูมิภาคอื่น เช่น ทิเบต คอเคซัส และภูเขาสูงอื่น ๆ ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นภัยคุกคามต่อชุมชนในพื้นที่
NASA Earth Observatory images by Michala Garrison, using Landsat data from the U.S. Geological Survey. Story by Lindsey Doermann.
References & Resources
BBC (2025, May 31) The Swiss village wiped off the map by a glacier. Accessed June 3, 2025.
Eos (2025, May 29) The 28 May 2025 catastrophic failure of the Birch Glacier and the partial burial of Blatten. Accessed June 3, 2025.
ETZ Zürich (2025, May 30) What ETH glacier researchers know about the collapse of the Birch Glacier. Accessed June 3, 2025.
Kääb, A., et al. (2021) Sudden large-volume detachments of low-angle mountain glaciers – more frequent than thought? The Cryosphere, 15, 1751–1785.
Schmauß, S. (2025, June 1) Blatten Glacier collapse 2025-05-30: 3D Model. Accessed June 3, 2025.
