รูปแบบหรือแผนการที่รวมเป้าหมายหลัก นโยบาย และลำดับการดำเนินการขององค์กรเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียวจะช่วยระดมและจัดสรรทรัพยากรขององค์กรให้กลายเป็นท่าทีที่มีศักยภาพและยั่งยืนโดยอิงจากจุดแข็งภายในและข้อจำกัดที่มีอยู่พร้อมกับคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในสิ่งแวดล้อมและการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอย่างมีปัญญา

(Mintzberg, Lampel et al, 1992)

กลยุทธ์หมายถึงการเปลี่ยนแปลงแรงผลักดันที่มีอยู่เพื่อให้คุณประสบชัยชนะ กลยุทธ์คือแผนที่สำหรับการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพียงการนำทางแบบดั้งเดิมที่เดินทางผ่านภูมิทัศน์ทางสังคม แต่เป็นการปรับเปลี่ยนมัน กลยุทธ์ด้านการสื่อสารและยุทธวิธีในการมีส่วนร่วมของคุณควรพาผู้สนับสนุนออกเดินทางไปด้วยกัน

นักวางแผนทหารเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า “การตัดสินใจใหญ่” หรือ “การเลือกแนวทางหลักครั้งแรก” คือสิ่งที่กำหนดทิศทางอื่นๆ ที่ตามมา เมื่อการรณรงค์เริ่มต้นขึ้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จึงมักไม่ใช่ทางเลือก พลเอกเฮลมุท ฟอน มอลต์เกอแห่งปรัสเซียเคยกล่าวไว้ว่า “หากมีข้อผิดพลาดในการจัดวางกำลังทหารตั้งแต่แรกเริ่ม จะเป็นเรื่องยากมากที่จะแก้ไขระหว่างการรณรงค์”

การสร้างกลยุทธ์ต้องอาศัยการวางแผนและสิ่งที่ตามมาคือการรณรงค์ เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่วุ่นวายและคาดเดาไม่ได้ เพราะคำกล่าวที่ว่า “จงปล่อยให้เกิดความวุ่นวายแล้วปล่อยสุนัขแห่งสงครามออกมา” นั้นมีที่มาที่ไป ริค เล คอยต์ อดีตนักวางกลยุทธ์ของกรีนพีซกล่าวว่า:

หากกลยุทธ์หมายถึงการมีเป้าหมายและแผนในการบรรลุเป้าหมายนั้น แต่ยังคงยืดหยุ่นเกี่ยวกับระดับของความแน่นอนและวิธีการบรรลุเป้าหมาย กลยุทธ์(โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มกดดัน) ก็เหมือนกับมหากาพย์เทพปกรณัม มีเป้าหมายหลักที่ยิ่งใหญ่แต่ระหว่างทางก็มีภารกิจย่อยให้ทำ อย่าแปลกใจหากจะมีเทพเจ้าไซคลอปส์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มาแทรกแซงหรือเบี่ยงเบนความสนใจระหว่างทาง

กลยุทธ์แตกต่างกันไปตามมุมมองของคุณว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ตั้งแต่ปี 1988 องค์กรหลายร้อยแห่งทำแคมเปญด้านภูมิอากาศซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) โดยมีความหลากหลายมาก ตั้งแต่แคมเปญในระดับท้องถิ่น ส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ ลงทุนในป่าไม้ ผลักดันมาตรฐานประหยัดเชื้อเพลิง ไปจนถึงการส่งเสริมระบบทำความเย็นทางเลือกที่ไม่ใช้สารไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs)

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ความแตกต่างทางยุทธวิธี แต่คือทางเลือกเชิงกลยุทธ์ที่เข้ากันไม่ได้ (incompatible strategic choices) เพราะต้องใช้ความพยายามและทรัพยากรจำนวนมากจนองค์กรใดองค์กรหนึ่งไม่สามารถทำทุกอย่างได้พร้อมกัน หากทำเช่นนั้นจะลดประสิทธิภาพของกันและกัน หรือเพราะต้องแย่งชิงความสนใจซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดทั้งจากชื่อเสียง กำลังคนและต้นทุนทางการเมือง

ในทำนองเดียวกัน เมื่อวารสาร New Scientist ให้เงินสมมุติจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่ผู้อนุรักษ์ป่าชั้นนำ 7 คนเพื่อใช้ในการปกป้องป่าฝน พวกเขากลับได้คำตอบที่หลากหลายอย่างมาก ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลกไปจนถึงการให้การศึกษาแก่ผู้นำในอนาคต และการปกป้องพื้นที่แบบระยะสั้น

เพื่อบรรลุเป้าหมายที่สำคัญ มักจำเป็นต้องต่อสู้ในยุทธการเชิงยุทธวิธีระยะสั้น ซึ่งบางครั้งก็มีเป้าหมายต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นในช่วงทศวรรษ 1980 ตอนที่ผู้เขียนทำงานกับองค์กร Friends of the Earth ผู้เขียนเคยรณรงค์ต่อต้านการทำลายที่อยู่อาศัยจากเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวในชนบทของสหราชอาณาจักร ตำนานเรื่อง “แดน อาร์เชอร์” ที่เป็นที่แพร่หลายนั้นฝังแน่นมากจนสื่อและสาธารณชนไม่ยอมรับว่าการทำเกษตรกรรมอาจเป็นต้นเหตุของปัญหา (แทนที่จะโทษการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นต้น) เพื่อเอาชนะอิทธิพลของกลุ่มล็อบบี้เกษตรกรรม เราต้องเริ่มจากการทำให้มันอ่อนแอลงก่อน เราจึงหยุด(ทำเรื่องเกษตรเชิงเดี่ยว) เพื่อรณรงค์ต่อต้านการเผาตอฟางในไร่นาเพราะนี่เป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับอย่างแพร่หลาย และเมื่อผลักดันให้มีการแบนได้ ก็กลายเป็นหลักจิตวิทยาสำคัญที่เริ่มกระบวนการรื้อถอนภาพลักษณ์ภายนอกของระบบเกษตรอุตสาหกรรม

หากมีกฎที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากลยุทธ์และขีดความสามารถขององค์กรในการรณรงค์ ก็คือแนวคิดของ “ซุนวู” ที่กล่าวถึง “กลยุทธ์ของการวางตำแหน่งทางยุทธวิธี(a strategy of tactical positioning)”

จงหายุทธวิธี(tactic)ที่คุณสามารถใช้ได้ดีที่สุด และวางกลยุทธ์(strategy)โดยอิงจากสิ่งนั้น วางแผนกลยุทธ์(strategy)เพื่อให้คุณสามารถใช้ยุทธวิธี(tactic)นั้นได้บ่อยครั้ง แต่ต้องเด็ดขาดเมื่อใช้

เรียบเรียงจาก How To Win Campaigns: Communications for Change https://www.routledge.com/How-to-Win-Campaigns-Communications-for-Change/Rose/p/book/9781849711142?srsltid=AfmBOop0UY1g9PdwpLb-cTOTemaNVV0tiudoPDsg5FV6muEWqQdJnENZ เขียนโดย Chris Rose