
คุณอาจมีไอเดียมากมาย หลายไอเดีย—อันที่จริงอาจเป็นส่วนใหญ่—ล้วนดี และบางอย่างอาจยอดเยี่ยมสุดๆ คุณอาจมีไอเดียเกี่ยวกับโครงการใหม่ๆ น่าตื่นเต้นที่อยากริเริ่ม นวัตกรรมที่อยากเปิดตัว ความพยายามใหม่ที่คุณอยากเป็นหัวหอก คุณคือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง—ไม่ใช่หรือ?
แต่ผู้นำองค์กรไม่แสวงหากำไรทุกคนรู้ดีว่า สิ่งที่ต้องทำมีมากเกินกว่าจำนวนชั่วโมงในหนึ่งวัน แม้ว่าคุณจะสละเวลานอน ออกกำลังกาย หรือดูแลสุขภาพไปแล้ว ทุกคนที่ทำงานหรืออาสาสมัครให้องค์กรไม่แสวงหากำไรก็รู้เรื่องนี้ดี แม้คุณจะละทิ้งภาระหน้าที่สำคัญของผู้นำ อย่างเช่นการสร้างแรงบันดาลใจให้ทีม หรือการดูแลพันธกิจขององค์กร คุณก็ยังคงใช้เวลาหมดไปกับการตอบสนองต่อกระแสความต้องการและโอกาสที่ถาโถมเข้ามาไม่สิ้นสุด
หากคุณอยากสร้างความเป็นเลิศในการทำงานเพื่อสังคม คุณจำเป็นต้องรักษาสมาธิที่คมชัดกับสิ่งสำคัญจริงๆ และละเลยทุกอย่างที่ไม่ใช่ ไม่ว่าไอเดียใหม่ๆ เหล่านั้นจะดีเพียงใด จงอย่ากลัวที่จะทิ้งมันไป ตัดทุกสิ่งที่ไม่ใช่หัวใจของพันธกิจหลักออกไป ฝึกทักษะการจัดลำดับความสำคัญอย่างเด็ดขาด เรียนรู้ที่จะพูดว่า “ไม่” อย่างมั่นใจ และเมินเฉยต่อทุกเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องได้รับความสนใจจากคุณจริงๆ
อย่าลืมว่าสิ่งที่ “จำเป็นต้อง” ให้ความสนใจนั้นสั้นกว่าที่คุณคิดมาก ลองใช้ทางลัดง่ายๆ นี้เพื่อตรวจสอบว่ารายการนี้ควรยาวแค่ไหน
ถามตัวเองว่า “ในบรรดาสิ่งทั้งหมดที่ฉันใช้เวลาไป อะไรให้ผลลัพธ์คุ้มค่าที่สุด?” แล้วจงทำแค่สิ่งนั้น—และไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น
โปรดตระหนักว่า ทำแบบนี้อาจทำให้หลายคนหงุดหงิด ระคายเคือง หรือไม่พอใจ—คนเหล่านั้นอาจเป็นพันธมิตรในเครือข่ายทางการเมือง ผู้บริจาค หรือแม้แต่ทีมงานของคุณเอง “ปล่อยให้ทุกอย่างไหลผ่านไป” จงเข้มแข็ง และรักษาสมาธิแบบเจไดกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ โดยเพิกเฉยต่อสิ่งอื่นทั้งหมด
ความสำคัญของการจัดลำดับความสำคัญและความมีวินัยใช้ได้กับทุกระดับ ทุกประเภทของงาน ไม่ว่าคุณจะกำลังวางแผนตารางเวลาประจำวัน โทรศัพท์หาผู้บริจาครายใหญ่ หรือกำหนดเป้าหมายโปรแกรมขององค์กร
ที่สำคัญ การจัดลำดับความสำคัญไม่ได้เป็นเพียงหนทางสู่ความสำเร็จส่วนตัว แต่ยังเป็นการแสดงแบบอย่างพฤติกรรมให้ทีมงานเห็นด้วย อีกทั้งยังช่วยให้คุณเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ผู้อำนวยการบริหาร(Executive Director)มักพลาดบ่อยๆ คือ สั่งให้ทีมโฟกัสกับงานสำคัญที่สุด แล้วก็ไปดึงพวกเขาออกนอกทางอยู่เรื่อยๆ ด้วยคำสั่งใหม่และลำดับความสำคัญใหม่
จงระวัง อย่าสับสนระหว่าง “สมาธิที่คมชัด” กับ “วิธีการที่ตายตัว” มองหาวิธีทดสอบไอเดียใหม่ๆ ที่ต้นทุนต่ำ และอย่ากลัวที่จะลองสิ่งใหม่ จงสร้างนวัตกรรมอยู่ตลอด และคล่องตัว แต่จงเข้มงวดอย่างยิ่งกับเรื่องที่จะใส่ไว้ในรายการงานของคุณและสิ่งที่จะตัดออกไป ง่ายมากที่จะพยายามทำทุกอย่าง แล้วสุดท้ายก็ทำได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ
ความสำคัญของวินัยเชิงกลยุทธ์และสมาธิที่คมชัดนี้ใช้ได้กับทั้งตัวคุณและองค์กรด้วย ตัวอย่างเช่น คุณ ก เคยทำงานให้กับองค์กรสิ่งแวดล้อมแห่งหนึ่งซึ่งตลอดหลายสิบปีได้สะสมประสบการณ์ทำงานที่แทบไม่เกี่ยวข้องกันเลยทั้งปกป้องที่อยู่อาศัยสัตว์ป่า สนับสนุนระบบขนส่งมวลชน การอนุรักษ์ป่า และอื่นๆ งานที่กระจัดกระจายนี้ทำให้องค์กรไม่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ไม่มีวาระงานที่ชัด ไม่มียุทธศาสตร์ที่สอดประสานกัน ผลลัพธ์คือ โครงการต่างๆ ไม่สนับสนุนกัน ความพยายามของทีมงานกระจายเกินไป ผู้บริจาคและสมาชิกก็ไม่แน่ใจว่าองค์กรนี้ยืนหยัดเรื่องอะไรกันแน่ และความกระจัดกระจายนี้ยังทำให้สร้างอิทธิพลทางการเมืองได้ยาก
สุดท้าย Board ขององค์กรตระหนักถึงปัญหา จึงจ้างผู้อำนวยการบริหารชั่วคราวที่กล้าตัดสินใจยากๆ คัดเลือกเป้าหมายที่แคบลงอย่างมียุทธศาสตร์ และวางแผนเลิกโครงการทุกอย่างที่ไม่ตรงกับทิศทางใหม่นี้ ปัจจุบัน องค์กรนี้กลายเป็นผู้เล่นทางการเมืองที่ทรงพลัง
ความซับซ้อนแบบนั้นยังทำให้การระดมทุนยากขึ้นด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องเล่าเรื่องพันธกิจ ความสำเร็จ และผลงานของคุณให้ชัดเจนที่สุด หากสิ่งที่องค์กรทำซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้เร็วๆ คุณก็อาจเจอปัญหากับผู้บริจาคอีกด้วย
องค์กรที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดและผู้นำที่ประสบความสำเร็จที่สุดจะมีความชัดเจนในพันธกิจ มีสมาธิแบบเจไดและวินัยที่เข้มข้น จงจำไว้ว่า การทำสิ่งที่เฉพาะเจาะจงแต่ทำได้ดี ย่อมดีกว่าการทำทุกอย่างแบบครึ่งๆ กลางๆ
