แปลเรียบเรียงจาก Jonathan Tirone 25 กุมภาพันธ์ 2022 https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-02-25/russia-captures-chernobyl-ukraine-s-15-other-nuclear-reactors-more-dangerous?cmpid=socialflow-facebook-politics&utm_medium=social&utm_campaign=socialflow-organic&utm_content=politics&utm_source=facebook&fbclid=IwAR31T6F5URx4j2KYG2Pna1F-W6KS9QY9VPqMisT3WxHNANR6VvBuNtESbR0
แผนที่แสดงทำเลที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 15 เครื่องที่ทำงานอยู่ในยูเครน ที่มา : World Nuclear Association, Bloomberg

กองกำลังรัสเซียเข้าควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนที่เลิกใช้แล้วในเชอร์โนบิล กระตุ้นให้เกิดการสนทนาออนไลน์ว่า เขตหายนะนิวเคลียร์ในปี 2529 อาจเป็นสาเหตุการแพร่กระจายของรังสีนิวเคลียร์ที่เป็นอันตรายอีกครั้ง  แต่ผู้เชี่ยวชาญกังวลถึงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 15 เครื่องที่กำลังเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าของยูเครนมากกว่า

เชอร์โนบิลเป็นหายนะนิวเคลียร์ที่รับรู้กันทั่วโลกเนื่องจากขนาดของเหตุการณ์ในปี 2529 ที่นำไปสู่การเสียชีวิตจำนวนมาก และต่อมาสหภาพโซเวียตพยายามปกปิดความเสียหายและผลกระทบ  ทุกวันนี้ เชอร์โนบิลเป็นพื้นที่ที่กันออกมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ และมีโครงสร้างที่ล้อมรอบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ที่เสียหาย 4 เครื่อง

รังสีนิวเคลียร์ที่ตกค้างในพืชพรรณยังคงเป็นอันตรายนับจากเหตุการณ์หายนะไปอีกหลายศตวรรษ  ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ภัยคุกคามจากไฟป่าที่พาวัสดุรังสีนิวเคลียร์กระจายสู่ชั้นบรรยากาศนั้นมีความเป็นไปได้มากพอๆ กับความเสี่ยงที่เกิดจากความขัดแย้งทางทหารที่เกิดขึ้นในขณะนี้

เชอร์โนบิลตั้งอยู่บนเส้นทางยุทธศาสตร์ที่กองกำลังรัสเซียเคลื่อนลงใต้จากเบลารุสไปยังกรุงคีฟ เมืองหลวงของยูเครน  Dana Drabova หัวหน้าสำนักงานความปลอดภัยทางนิวเคลียร์แห่งสาธารณรัฐเช็ก กล่าวว่า “กองกำลังรัสเซียที่ยึดครองเชอร์โนบิลไม่สามารถทำให้เกิดภัยพิบัติได้ แม้ว่าจะใช้ระเบิดที่แรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีก 15 เครื่องที่ใช้งานอยู่ในโรงไฟฟ้า 4 แห่ง ที่กระจายอยู่ทั่วยูเครนนั้นน่ากังวลมากกว่า”

ความเสี่ยงที่มากขึ้นคือกิจกรรมทางทหารที่อาจขัดขวางเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่กำลังผลิตไฟฟ้าในระหว่างการสู้รบ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บางเครื่องเป็นของโซเวียตรุ่นเก่าหงำเหงือกและไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานในสหภาพยุโรปด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ผลิตไฟฟ้าในยูเครนเหล่านี้อัดแน่นไปด้วยเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สดใหม่ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนความขัดแย้งในภูมิภาคให้กลายเป็นฝันร้ายระดับทวีป ทั้งจรวด ขีปนาวุธ การป้องกันการโจมตีทางอากาศหรือการก่อวินาศกรรมที่ผิดพลาด อาจทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ได้

James Acton นักวิเคราะห์ด้านนิวเคลียร์ของ Carnegie Endowment for International Peace เขียนในรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของระบบการผลิตไฟฟ้าของยูเครนอาจมีผลกระทบร้ายแรงต่อความปลอดภัยทางนิวเคลียร์  เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ต้องใช้ไฟฟ้าและน้ำหล่อเย็นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้มีความเสี่ยงจากการปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงความผิดพลาดจากมนุษย์

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhya ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ที่มา : Google Map

James Acton กล่าวว่า “แค่เจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนต้องเดินทางไปทำงานอาจเป็นความเสี่ยง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากที่จะรับรองว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จะทำงานได้อย่างปลอดภัย ในกรณีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สำรอง เช่น นักผจญเพลิง อาจไม่สามารถปฏิบัติงานในโรงไฟฟ้าได้ เพราะต้องเกี่ยวข้องกับการทำงานบรรเทาสาธารณะภัยของพลเรือนอันเป็นผลจากการสู้รบ

ผู้สังเกตการณ์ที่ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(IAEA) กล่าวว่า พวกเขาวิตกกังวลอย่างมากกับสถานการณ์ และยังคงติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยนิวเคลียร์ของยูเครน  Rafael Mariano Grossi ผู้อำนวยการ IAEA กล่าวว่า “IAEA ติดตามข่าวในยูเครนอย่างใกล้ชิดโดยมุ่งเน้นเป็นพิเศษในเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์” 

ระดับรังสีที่เชอร์โนบิลยังมีค่าปกติ หน่วยงานตรวจสอบได้รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถึงระดับรังสีที่สูงขึ้นซึ่งเป็นข่าวกระจายทางช่องทางออนไลน์ก่อนหน้านี้  IAEA ระบุในแถลงการณ์ว่า

“อาจเกิดจากยานพาหนะทางทหารขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อผืนดินที่ยังปนเปื้อนรังสีจากหายนะนิวเคลียร์ในปี 2529”