เรียบเรียงจาก Six charts help to explain 2024’s freakish temperatures https://www.economist.com/graphic-detail/2024/05/15/six-charts-help-to-explain-2024s-freakish-temperatures from The Economist
นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศกล่าวว่าพวกเขากําลังจะหมดคําคุณศัพท์เพื่ออธิบายความผิดปกติของระบบสภาพภูมิอากาศล่าสุด ปี 2566 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ : องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกกล่าวว่าอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกสูงกว่าประมาณ 1.45°C เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ซาแมนธา เบอร์เจส รองผู้อํานวยการหน่วยงานด้านสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป กล่าวว่าช่วงครึ่งหลังของปี 2566 นั้น “น่าตกใจจริงๆ”
ปี 2567 นี้อาจจะยังเป็นปีที่ร้อนอยู่ต่อไป แผนภูมิทั้ง 6 ต่อไปนี้แสดงภาพความผิดปกติล่าสุดและแนวโน้มที่จะมีต่อไป

ในเดือนมิถุนายน 2566 โลกเข้าสู่ช่วง “เอลนีโญ” วัฏจักรของสภาพอากาศตามธรรมชาตินี้ (ส่วนหนึ่งของแบบแผนที่เรียกว่า El Niño Southern Oscillation หรือ ENSO) สามารถเพิ่มอุณหภูมิพื้นผิวชั่วคราวและทําให้เกิดความผิดปกติของสภาพอากาศที่รุนแรง แม้ว่าจะเป็นเอลนีโญแบบมาตรฐาน อุณหภูมิอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2566 ก็ทําให้นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศตื่นตระหนก
ปี 2567 นี้ยังเป็นปีแห่งการทําลายสถิติด้วย : 4 เดือนแรกของปี 2567 นั้นร้อนเป็นประวัติการณ์กว่าเดือนเดียวกันในหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลจาก Copernicus Climate Change Service ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหภาพยุโรป แสดงให้เห็นว่าเดือนเมษายน 2567 ร้อนขึ้น 0.67°C เทียบกับค่าเฉลี่ยของเดือนเดียวกันในช่วงปี 2534-2563 ความผิดปกติที่มากที่สุดของอุณหภูมิอากาศรายเดือนจำนวนมากกว่า 10 ครั้งนับตั้งแต่เริ่มการบันทึกในปี 2483 มี 9 ครั้งเกิดขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2566
มหาสมุทรของโลกก็ร้อนขึ้น อุณหภูมิผิวทะเลพุ่งสูงขึ้น : ค่าเฉลี่ยทั่วโลกทําลายสถิติทุกวันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 บางสถิติมีค่าสูงสุดเท่าที่เคยมีมา อุณหภูมิผิวทะเลในปี 2567 ร้อนกว่า 0.15°C ถึง 0.58°C วันเดียวกันในปี 2566 ส่วนใหญ่เกิดจากมวลน้ำร้อนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ส่วนหนึ่งของมวลน้ำร้อนนี้เกี่ยวเนื่องกับเอลนีโญจากการที่มวลน้ำในมหาสมุทรส่วนลึกคายความร้อนมากขึ้น (ตรงกันข้ามกับ “La Niña” มวลน้ำเหล่านี้จะเก็บความร้อนไว้แทน)

หากเอลนีโญในปี 2566 เป็นปัจจัยสําคัญต่ออุณหภูมิอากาศและผิวทะเล ปี 2567 อาจจะรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก นับตั้งแต่ปี 2494 อุณหภูมิอากาศร้อนขึ้นอย่างมากในปีหลังจากที่มีเอลนีโญ (ดูแผนภูมิ 5) (ยกเว้นในปี ค.ศ.1963 และ 1991 ที่เกิดการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟทําให้อุณหภูมิลดลงเนื่องจากเขม่าและอนุภาค)

ไม่ว่าปี 2567 จะยังคงทําลายสถิติต่อไปหรือไม่ ส่วนหนึ่งจะถูกกําหนดโดยวงจร ENSO ถัดไป ในเดือนเมษายน สํานักอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียประกาศว่ามหาสมุทรแปซิฟิกกําลังเย็นลงอย่างมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นสัญญาณว่าเอลนีโญกําลังจะออกไป แบบจําลองการคาดการณ์ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามาไปสู่ขั้นตอนที่เป็นกลาง และคาดการณ์ว่าโลกมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ La Niña (รูปแบบที่เย็นกว่า) ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน (ดูแผนภูมิ 6) นั่นควรเริ่มทําให้อุณหภูมิลดลงในช่วงปลายปี

ปฏิเสธไม่ได้ว่า แรงขับที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มขึ้นคือ การเสพติดเชื้อเพลิงฟอสซิลและการสะสมของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง เอลนีโญได้ผลักดันอุณหภูมิให้สูงขึ้นไปอีก แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามากแค่ไหน นั่นควรจะมีความชัดเจนขึ้นในรอบต่อไป : หากอุณหภูมิไม่ลดลงมากเท่าที่คาดไว้ อาจส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนในอัตราการเกิดภาวะโลกร้อน ยังไม่มีฉันทามติว่าอะไรอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่การทําความเข้าใจว่าภาวะโลกร้อนเร่งตัวขึ้นหรือไม่ และทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเป็นสิ่งสําคัญในการคาดการณ์ว่าสภาพภูมิอากาศของโลกจะไปต่ออย่างไรในทศวรรษหน้า
