แร่หายาก หรือที่มักเรียกกันว่า “วิตามินของอุตสาหกรรม” เนื่องจากสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีนัยสำคัญแม้ใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายภาคส่วนของการผลิต ทว่า ผู้คนส่วนใหญ่กลับไม่สามารถระบุชื่อธาตุหายากเหล่านี้ได้แม้แต่ชนิดเดียว

คำว่า “แร่หายาก” โดยทั่วไปหมายถึงกลุ่มธาตุหายากจำนวน 17 ชนิด (REEs – Rare Earth Elements) ในอดีต ธาตุหายากส่วนใหญ่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมตัวเร่งปฏิกิริยา การขัดเงา เซรามิก และสารเรืองแสง แต่ในศตวรรษที่ 21 ความต้องการใช้แร่หายากได้เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยได้รับแรงผลักดันจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น แม่เหล็ก โลหะผสม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ นั่นหมายความว่าแร่หายากได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ตั้งแต่หลอดไฟประหยัดพลังงาน สมาร์ตโฟน ไปจนถึงแท็บเล็ตหรือ iPad ที่เราใช้ดูหนัง

ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 จีนแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกแร่หายากรายใหญ่ที่สุดของโลก นับแต่นั้นมา จีนก็กลายเป็นซัพพลายเออร์แทบจะเพียงรายเดียวในตลาดโลกสำหรับแร่หายากทั้ง 17 ชนิด และสำหรับบางชนิด จีนเป็นแหล่งเดียวของโลก พูดได้ว่าเกือบทุกหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ กังหันลมส่วนใหญ่ รถยนต์ไฮบริด สมาร์ตโฟน และอุปกรณ์ไฮเทคอื่น ๆ ล้วนมี “ดีเอ็นเอของจีน” อยู่ในรูปของแร่หายากที่ถูกขุดขึ้นจากแผ่นดินจีน แม้จะมองไม่เห็น และออกเสียงยาก แต่ธาตุเหล่านี้กลับถูกใช้อย่างแพร่หลายทุกวัน

แร่หายากทั้ง 17 ชนิดนั้นประกอบด้วย แลนทาไนด์ 15 ชนิด (เลขอะตอม 57–71), สแกนเดียม (Scandium, เลขอะตอม 21) และอิตเทรียม (Yttrium, เลขอะตอม 39) แลนทาไนด์ 15 ชนิดโดยทั่วไปจะถูกจัดกลุ่มตามน้ำหนักอะตอมเป็น “แร่หายากเบา” (Light Rare Earth Elements – LREEs) และ “แร่หายากหนัก” (Heavy Rare Earth Elements – HREEs) ขณะที่สแกนเดียมและอิตเทรียมมักถูกจัดกลุ่มแยกออกไป

ในบางบริบท ยังมีการใช้คำว่า “แร่หายากระดับกลาง” (Medium Rare Earth Elements – MREEs) เพิ่มเข้ามาด้วย ในประเทศจีน แร่หายากระดับกลาง แร่หายากหนัก และอิตเทรียม มักถูกจัดกลุ่มรวมกันเป็น “แร่หายากระดับกลางและหนัก” (MHREEs – Medium and Heavy Rare Earth Elements) อย่างไรก็ตาม ระบบการจัดกลุ่มแร่หายากเหล่านี้มีหลากหลายรูปแบบ และไม่เป็นเอกภาพว่าองค์ประกอบใดควรอยู่ในกลุ่ม LREE หรือ MHREE