เรียบเรียงจาก Can the carbon-offset market be saved?
https://www.economist.com/finance-and-economics/2023/12/20/can-the-carbon-offset-market-be-saved
from The Economist
“ทันทีที่เหรียญในหีบสมบัติดังขึ้น วิญญาณจากนรกก็ผุดขึ้นมา” ส่งเสียงกริ๊งโฆษณาช่วงแรกๆ ที่เกิดจาก Johann Tetzel พนักงานขายตามอำเภอใจแห่งศตวรรษที่ 16 การบริจาคให้คริสตจักรเสนอทางเลือกแก่ผู้มีความเชื่อในการจ่ายค่าไถ่บาปในชีวิตหลังความตาย ตลาดคาร์บอนเครดิตเองก็สัญญาในสิ่งที่คล้ายกัน แทนที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทําไมไม่จ่ายเงินให้คนอื่นทําแทนคุณล่ะ
เป็นความคิดที่ดี ทว่าตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ ซึ่งตรงข้ามกับตลาดภายใต้แนวปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น โครงการซื้อขายการปล่อยมลพิษของสหภาพยุโรป เป็นต้นอยู่ในความโกลาหล มาร์ติน ลูเธอร์สในยุคสุดท้ายซึ่งคัดค้านแนวทางของ Johann Tetzel นําไปสู่การปฏิรูป ได้ชี้ให้เห็นว่าการชดเชยคาร์บอนนั้นเพื่อพิสูจน์ว่ามันได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับการปล่อยมลพิษ : โครงการพลังงานหมุนเวียนมักจะทํางานได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น การจัดหาเงินทุนจึงไม่นำไปสู่ลดการปล่อยมลพิษ
เรื่องอื้อฉาวยังทําให้ความสนใจของนักลงทุนลดลง รายงานโดย เดอะการ์เดียน หนังสือพิมพ์อังกฤษ ชี้ว่า โครงการชดเชยคาร์บอนภาคป่าไม้ชั้นนําจํานวนมากซึ่งอ้างว่าพยายามฟื้นฟูป่านั้นล้มเหลว นักกิจกรรมเคลื่อนไหวโต้แย้งว่า กลุ่มนายหน้าได้ผลประโยชน์ แต่กลุ่มชนพื้นเมืองต้องสูญเสีย ราคาคาร์บอนจากโครงการชดเชยคาร์บอนภาคป่าไม้ลดลงจาก 15 ดอลลาร์ต่อตันหลังจากการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศโลกที่กลาสโกว์(COP26) เหลือเพียง 0.10 ดอลลาร์ต่อตันหลังจากการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศล่าสุด(COP28)ที่นครดูไบ จากข้อมูลของ Xpansiv ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา

นักปฏิรูปที่อยู่ในเวทีประชุมเจรจาสุดยอดที่มีผลบังคับใช้ โดยมีข้อเสนอว่าจะจัดการตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจอย่างไร ซึ่งรวมถึงแผนการตรวจสอบ นับ และลงทะเบียนการชดเชยคาร์บอน แนวทางหกประการรวมถึง Voluntary Carbon Markets Integrity Initiative ซึ่งให้คําแนะนําเกี่ยวกับวิธีใช้เครดิต และ Integrity Council for the Voluntary Carbon Market ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อกําหนดกฎเกณฑ์ในการชดเชยคาร์บอน ที่เรียกว่า “end-to-end integrity framework”
ความหวังคือแผนการดังกล่าวอาจดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตที่เป็นบริษัทต่างๆ McKinsey ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาประมาณการว่ามูลค่าตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจอาจสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจาก 2,000 ล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้นในปัจจุบันจากจํานวนบริษัทที่ให้คำมั่นว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในห่วงโซ่อุปทาน ธนาคารต่างๆ เริ่มเปิดโต๊ะซื้อขายคาร์บอนจากโครงการชดเชยคาร์บอนภาคสมัครใจ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม Commodity Futures Trading Commission ซึ่งเป็นหน่วยงานกํากับดูแลของสหรัฐอเมริกาเผยแพร่คําแนะนําเกี่ยวกับว่ามีวิธีการควบคุมตลาดคาร์บอนอย่างไร
การเงินจากภาคธุรกิจจํานวนมากสามารถจัดหาเงินให้กับกลุ่มประเทศยากจนเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาจึงร่างแผนสําหรับโครงการชดชเยคาร์บอนของตนในเวทีการเจรจาสภาพภูมิอากาศ โดยบริษัทเอกชนจ่ายเงินให้กลุ่มประเทศต่างๆ เพื่อผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด สาธารณรัฐโดมินิกันและไนจีเรียได้ลงนามแล้ว รวมถึงแมคโดนัลด์ เครือฟาสต์ฟู้ด เป๊ปซี่โค บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค และธนาคารแห่งอเมริกา
มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ซึ่งทํางานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ก็สนับสนุนโครงการที่คล้ายกัน แนวคิดคือการผสมผสานการลงทุนภาคเอกชน เงินกู้ และคาร์บอนเครดิตเพื่อลดต้นทุนในการเปลี่ยนผ่านจากถ่านหินไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียน ข้อตกลงแรกได้รับการตกลงกันระหว่าง acen บริษัทพลังงานของฟิลิปปินส์และหน่วยงานการเงินของสิงคโปร์ซึ่งเป็นธนาคารกลางของรัฐหมู่เกาะ บริษัทต่างๆ จะสามารถใช้เครดิตเพื่อชําระภาษีคาร์บอนในอาณาเขตได้ตั้งแต่ปี 2567
กลุ่มประเทศต่างๆ ยังลงนามในข้อตกลงภายใต้ที่อนุญาตให้พวกเขาร่วมมือกันในการปฏิบัติตามสัญญาการปล่อยมลพิษ สวิตเซอร์แลนด์บรรลุข้อตกลงกับกานาซึ่งจะให้ทุนแก่โครงสร้างพื้นฐานการจัดการขยะ 4 แห่ง สิงคโปร์ลงนามในข้อตกลงกับปาปัวนิวกินีที่จะอนุญาตให้นับการลดการปล่อยมลพิษบางส่วนเป็นของตนเอง
ทว่าการเจรจาว่าด้วยกฎเกณฑ์ขั้นสุดท้ายของข้อตกลงแบบทวิภาคี และตลาดคาร์บอนเครดิตในเวทีสหประชาชาติก็ไม่ไปถึงไหน เหล่าคณะเจรจาโต้แย้งกันเรื่องความโปร่งใส Mandy Rambharos จากกองทุนป้องกันสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นองค์กรการกุศลกล่าวว่า หากไม่มีโครงการชดเชยคาร์บอนที่ได้รับการรับรองระดับประเทศ บริษัทต่างๆ จะต้องหันไปพึ่งตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจที่ไร้การควบคุม อันตรายคือสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นข้ออ้างให้บริษัทต่างๆ ถอนตัวออกจากตลาดโดยสิ้นเชิง หลังจากเวทีเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศ ราคาคาร์บอนจากโครงการชดเชยคาร์บอนภาคป่าไม้ยิ่งลดลงไปอีก ความหวังคือ ราคาคาร์บอนอาจจะเพิ่มขึ้นเมื่อดำเนินการปฏิรูปอย่างจริงจัง สำหรับกลุ่มคนบาปคาร์บอน สวรรค์รอได้
