เรียบเรียงจาก https://www.orfonline.org/expert-speak/implications-of-china-s-floating-nuclear-power-plants-in-the-south-china-sea#:~:text=Experts%20emphasise%20that%20FNPPs%20pose,marine%20life%20and%20regional%20stability. เขียนโดย Pratnashree Basu is an Associate Fellow, Indo-Pacific at Observer Research Foundation, Kolkata, with the Strategic Studies Programme and the Centre for New Economic Diplomacy.

รายงานล่าสุดเกี่ยวกับโครงการ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ลอยน้ำของจีนได้กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการทำให้ทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้งอยู่แล้วมีลักษณะเป็นพื้นที่ทางทหารมากขึ้น

โครงการนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกในปี 2016 โดยมีข่าวเกี่ยวกับสถานีไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำแห่งแรกของจีนที่เรียกว่า ACPR50S ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท China General Nuclear (CGN) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของจีน เดิมที เครื่องปฏิกรณ์ลอยน้ำนี้ถูกออกแบบมาเพื่อจอดเทียบบนเรือสำหรับใช้ในการสำรวจน้ำมันนอกชายฝั่งโดยให้พลังงานสำหรับปฏิบัติการในทะเลโป๋ไห่ (Bohai Sea)

ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีข่าวลือและรายงานกระจัดกระจายเกี่ยวกับแผนของจีนในการ สร้างกองเรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ (FNPPs) สำหรับทะเลจีนใต้ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นั้นมา ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาและการติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้มีค่อนข้างจำกัดโดยมีรายงานในปี 2023 ที่บ่งชี้ว่า แผนอาจถูกระงับ

อย่างไรก็ตาม การติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ (FNPPs) ในทะเลจีนใต้น่าจะเป็นเพียงเรื่องของเวลา และมีความเป็นไปได้สูงว่ายังคงเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญของจีน

โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำของจีนมีสองเป้าหมายหลัก คือ (1) กระจายแหล่งพลังงานและขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไปยังพื้นที่ห่างไกลและปฏิบัติการนอกชายฝั่ง (2) เสริมสร้างการควบคุมของจีนเหนือเกาะเทียมและเกาะแก่งในทะเลจีนใต้ซึ่งจีนได้ก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถใช้ได้ทั้งในทางพลเรือนและทางทหาร (dual-use) ไปแล้ว

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำเหล่านี้สามารถสนับสนุนกิจกรรมสำรวจน้ำมันและก๊าซของจีนและให้พลังงานแก่เกาะและพื้นที่ที่ไม่มีโครงข่ายไฟฟ้าแบบดั้งเดิม ซึ่งรวมถึงดินแดนเกาะที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง ฐานทัพทางทหาร

พลังงานที่มั่นคงจาก FNPPs ยังช่วยเสริมศักยภาพด้านการเฝ้าระวังและการตอบสนองทางทหารที่รวดเร็ว นอกจากนี้ เครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้ยังสามารถจ่ายพลังงานให้กับปฏิบัติการเหมืองใต้ทะเลลึกและฐานทัพเรือในมหาสมุทร

ข้อได้เปรียบของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ (FNPPs) คือ (1)ลดการพึ่งพาพลังงานแบบดั้งเดิมและการนำเข้า (2) เคลื่อนย้ายได้ง่าย โดยสามารถลากจูงไปยังจุดต่างๆ บนเรือบรรทุกหรือเรือบาร์จ ทำให้สามารถจ่ายพลังงานได้อย่างยืดหยุ่น (3) “เครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็ก” เหล่านี้สามารถทำงานได้นานหลายปีหรือหลายทศวรรษโดยไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง (4) ผลิตพลังงานไฟฟ้าปริมาณมาก พร้อมกับเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืดในปริมาณมากเพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนบก (NPPs) มีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ต้องใช้ที่ดินขนาดใหญ่ ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนสำหรับเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้า และต้องการแหล่งน้ำจืดปริมาณมากสำหรับหล่อเย็น

ในขณะที่ FNPPs ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับการผลิตไฟฟ้า ระบบทำความร้อน และการเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด โดยเฉพาะในเมืองชายฝั่งห่างไกลและเกาะขนาดเล็ก

ทีมพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ลอยน้ำได้ทุ่มเทเวลากว่าทศวรรษในการวิจัย โดยเชื่อว่าเครื่องปฏิกรณ์เหล่านี้จะได้รับการยอมรับจากสาธารณะมากขึ้น เนื่องจากส่งผลกระทบต่อที่ดินน้อยกว่าพลังงานนิวเคลียร์แบบดั้งเดิม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำถูกออกแบบมาเพื่อ ให้พลังงานที่เสถียรสำหรับทั้งกิจกรรมทางทหารและพลเรือนบนเกาะห่างไกลในทะเลจีนใต้

เครื่องปฏิกรณ์ ACPR50S ได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยหลายประการสำหรับสภาพแวดล้อมทางทะเล การพัฒนานี้ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ให้รวมอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 13 ของจีน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญทางเทคโนโลยีสำหรับ China General Nuclear (CGN) ในการพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็กสำหรับการใช้งานในทะเล

เครื่องปฏิกรณ์ ACPR50S มีกำลังการผลิตไฟฟ้าต่อปีที่ 200 เมกะวัตต์ ซึ่งแม้จะต่ำกว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เชิงพาณิชย์รุ่นล่าสุด แต่ก็เพียงพอสำหรับการผลิตน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งอการพัฒนาเกาะ และการเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด (desalination)

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า จีนกำลังสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำขนาดใหญ่กว่าที่เมืองเยียนไถ (Yantai) ในมณฑลซานตงโดย China National Nuclear Cooperation (CNNC) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมอาวุธ

โรงไฟฟ้าแห่งใหม่นี้จะติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์สองเครื่องและมีกำลังผลิต 250 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้กลายเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำที่ทรงพลังที่สุดในโลก คาดว่าจะถูกใช้ในการจ่ายพลังงานให้กับนิคมอุตสาหกรรมและดำเนินการในน่านน้ำสากล

ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

อย่างไรก็ตาม การติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ (FNPPs) ของจีนในทะเลจีนใต้ คาดว่าจะก่อให้เกิดความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยอย่างมีนัยสำคัญ

พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการปล่อยของเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนบก และเคยถูกตรวจสอบกรณีระดับไอโซโทปกัมมันตรังสีทริเทียม (tritium) ที่เกินมาตรฐานที่คาดการณ์ไว้

จีนยังมีประวัติด้านความปลอดภัยที่ไม่น่าไว้วางใจ และถูกตำหนิจากการทำลายสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค ผ่านการใช้ปะการังเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารและการอ้างสิทธิเหนือดินแดนอย่างกว้างขวาง ซึ่งถูกศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศปฏิเสธในปี 2016

ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า FNPPs ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมากโดยเฉพาะในระบบนิเวศทางทะเลที่เปราะบาง ซึ่งหากเกิดพายุรุนแรง การก่อวินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ อาจนำไปสู่ภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลและเสถียรภาพของภูมิภาค

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในทะเล ทำให้จำเป็นต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม

การบริหารจัดการความปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการฝึกอบรมที่ไม่เพียงพอซึ่งอาจนำไปสู่ความประมาทเลินเล่อ

วิศวกรที่ทำงานในโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ (FNPPs) ของจีนได้เน้นย้ำถึง ความจำเป็นในการมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมเพื่อป้องกันภัยคุกคามจาก นักดำน้ำใต้น้ำ เรือเข้าใกล้โดยไม่ได้รับอนุญาต และภัยคุกคามทางอากาศ

ระบบเหล่านี้ต้องประกอบด้วย ระบบตรวจจับ ตรวจสอบ และกำจัดภัยคุกคาม และโรงไฟฟ้าจะถูกแบ่งออกเป็นเขตความปลอดภัย (security zones) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ยังไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยใดที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ ทำให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ยังคงมีความเสี่ยงสูงเมื่อปฏิบัติการในทะเลเปิด

เพื่อแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้ จีนได้เสนอแผนพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ลอยน้ำแบบจอดเทียบท่า (dock-based floating nuclear plant) รุ่น ACP100S ซึ่งจะ ทอดสมออยู่ใกล้ชายฝั่งแผ่นดินใหญ่ในทะเลโป๋ไห่ (Bohai Sea) เพื่อลดความเสี่ยงและสามารถใช้ทรัพยากรป้องกันประเทศได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเริ่มดำเนินการแล้ว จีนอาจพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์ที่ทรงพลังขึ้นสำหรับทะเลจีนใต้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่า หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำลังพิจารณาแผนฉบับปรับปรุงนี้หรือไม่

แม้ว่า FNPPs จะมีความยืดหยุ่นสูง แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันต่อไปว่า สามารถแข่งขันกับพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมได้หรือไม่

พลังงานนิวเคลียร์ไม่สามารถแข่งขันได้โดยไม่มีเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ยังคงมีปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เกี่ยวกับ การจัดการกากกัมมันตรังสีและความมั่นคงปลอดภัยอย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์รุ่นใหม่ รวมถึงเครื่องปฏิกรณ์ขนาดเล็ก (SMRs) มี ระบบความปลอดภัยแบบพาสซีฟ (passive safety features) และอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น

ความท้าทายด้านกฎหมายและความรับผิดชอบ

อีกหนึ่งปัญหาสำคัญคือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำของจีนจะไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้อนุสัญญาเวียนนา (Vienna Convention) หรือ อนุสัญญาปารีส (Paris Convention) ซึ่งกำกับดูแลความรับผิดทางแพ่งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บนบก

อนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับจีนเพียงฉบับเดียวคือ อนุสัญญาบรัสเซลส์ปี 1962 ว่าด้วยความรับผิดของผู้ดำเนินการเรือพลังงานนิวเคลียร์ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้

ถึงแม้อนุสัญญาเวียนนาหรือปารีสจะมีผลบังคับใช้กับ FNPPs ก็ยังมีปัญหาที่ ไม่ได้รับการแก้ไข เพราะจีนไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศใดๆ เกี่ยวกับความรับผิดในกรณีเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ และจีนไม่มีกรอบกฎหมายภายในประเทศที่ครอบคลุมเรื่องนี้ โดยเฉพาะในกรณีที่อุบัติเหตุส่งผลกระทบข้ามพรมแดน

แม้ว่า ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) จะพยายามกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ลอยน้ำ แต่มีรายงานว่า จีนพยายามชะลอกระบวนการนี้ และมีความพยายามที่จะโน้มน้าวให้ IAEA ออกกฎระเบียบที่ไม่เข้มงวดมากนัก

ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศซึ่งเป็นคู่กรณีในข้อพิพาททะเลจีนใต้ มองว่า แผนการติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ (FNPPs) ของจีนเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออธิปไตยของตน โดยเฉพาะ เวียดนามและฟิลิปปินส์ ที่โต้แย้งว่า การดำเนินงานของ FNPPs ใกล้กับพื้นที่พิพาทในทะเลเปิดของจีนเป็นการละเมิดสิทธิอธิปไตยทางดินแดน และจีนจำเป็นต้องได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลของพวกเขา

กฎหมายพลังงานปรมาณูของเวียดนามปี 2008 กำหนดให้ นายกรัฐมนตรีต้องอนุมัติและตรวจสอบเรือพลังงานนิวเคลียร์ที่เข้ามาในน่านน้ำของเวียดนาม ส่วนฟิลิปปินส์ไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจนเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำ แต่รัฐบาลอาจใช้กฎหมายทางทะเลระหว่างประเทศเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในการกำกับดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของจีน

ปัจจัยที่เพิ่มความกังวลในภูมิภาค

1. ระบบนิเวศทางทะเลที่เปราะบาง ของภูมิภาคอาจได้รับผลกระทบจาก FNPPs

2. ข้อพิพาทดินแดนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ความขัดแย้งอาจรุนแรงขึ้น

3. ไม่มีกรอบกฎหมายระหว่างประเทศที่ชัดเจนสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ลอยน้ำ ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับ ความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงแห่งชาติ และเสถียรภาพของภูมิภาค

FNPPs จะเพิ่มความเสี่ยงด้านความมั่นคงในภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

• โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำจะทำให้ สถานการณ์ความมั่นคงที่ตึงเครียดอยู่แล้วยิ่งรุนแรงขึ้น

• จีนมีแนวโน้มที่จะใช้ FNPPs เป็นเครื่องมือเสริมสร้างอำนาจเหนือเกาะเทียม ที่จีนสร้างขึ้นและทำให้เป็นฐานทางทหาร

• พฤติกรรมของจีนที่พยายามขยายอิทธิพลในทะเลจีนใต้โดยฝ่าฝืนกฎหมายทางทะเลระหว่างประเทศ ทำให้โครงการ FNPPs อาจกลายเป็น ปัจจัยเร่งให้เกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค

โดยสรุป โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลอยน้ำของจีนอาจเป็นมากกว่าโครงการพลังงาน แต่เป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ที่ช่วยตอกย้ำอำนาจของจีนในทะเลจีนใต้ ซึ่งจะส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น