
ค่าโสหุ้ย(Overhead Cost) ก็เหมือนคอเลสเตอรอล — มีทั้งแบบดีและไม่ดี แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ ค่าใช้จ่ายประเภทนี้กลับกลายมาเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพขององค์กรไม่แสวงหากำไรอย่างกว้างขวางซึ่งเหตุผลเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ดีและผลกระทบก็เป็นโทษมากกว่าคุณ เหตุผลหนึ่งคือค่าใช้จ่ายทางอ้อมดูเหมือนจะวัดง่ายและเปรียบเทียบข้ามองค์กรได้สะดวก แต่ปัญหาก็คือ สิ่งที่เรามักเรียกว่า “ค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)” แท้จริงแล้วมีความสำคัญต่อความสามารถและสุขภาพระยะยาวขององค์กรเป็นอย่างมาก
ลองพิจารณาตัวอย่างของ “ค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)ที่ดี” และเหตุผลว่าทำไมค่าใช้จ่ายเหล่านี้จึงถือว่าใช้เงินได้คุ้มค่า การเช่าสำนักงานที่ดี มีพื้นที่เพียงพอและแสงธรรมชาติ ก็ถือเป็นการลงทุนในความพึงพอใจของพนักงาน การซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ที่ทำงานได้รวดเร็วและไม่ค้าง ก็เป็นการลงทุนในประสิทธิภาพของทีมงาน การลงทุนในการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ก็ถือเป็นการลงทุนระยะยาวขององค์กร ประเด็นจึงไม่ใช่การลดค่าใช้จ่ายทางอ้อมให้เหลือน้อยที่สุด แต่คือการยกระดับคุณภาพของการลงทุนในค่าใช้จ่ายทางอ้อมเหล่านั้นต่างหาก
ความหมกมุ่นกับการลดค่าใช้จ่ายทางอ้อมอย่างผิดทิศผิดทาง ไม่เพียงแค่ทำให้องค์กรลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานและศักยภาพต่ำเกินไป แต่ยังทำให้การประเมินเน้นผิดจุด คุณจะจบลงด้วยการมองที่ “สิ่งที่ใส่เข้าไป” (เช่น เงินที่ใช้ในแต่ละบรรทัดของงบประมาณ) แทนที่จะมองที่ “ผลลัพธ์” (สิ่งที่คุณทำได้จากเงินที่ใช้ไป)
ในโลกของธุรกิจ start-up ภาคเอกชน องค์กรที่ของบประมาณสำหรับค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)น้อยเกินไป ก็มักจะถูกตั้งคำถามไม่ต่างจากองค์กรที่ขอมากเกินไป — ทำให้สงสัยว่าองค์กรนี้จะทำภารกิจที่ตั้งไว้ให้สำเร็จได้อย่างไรในเมื่อแทบไม่มีศักยภาพรองรับเลย ผลที่ตามมาคือ ผู้อำนวยการองค์กรไม่แสวงหากำไรต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผู้ให้ทุนไม่ยอมให้เขาลงทุนในสิ่งที่รู้ว่าจำเป็นต่อการสร้างองค์กรที่ยั่งยืน
คำแนะนำของเราคือจงอธิบายและให้เหตุผลกับผู้ให้ทุนอย่างชัดเจนว่าเหตุใดค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)ของคุณจึงสมเหตุสมผลและถ้าผู้ให้ทุนยังคงยึดติดกับการลดค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)เกินควร วิธีเดียวคือต้องหลีกเลี่ยงผู้ให้ทุนประเภทนี้หรือหาวิธีแฝงค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)ไว้ในงานภาคสนามให้ได้ แล้วรีบกลับมาลงทุนระยะยาวในทีมและองค์กรของคุณต่อ หากคุณมีผู้ให้ทุนที่เข้าใจและให้ความสำคัญกับการลงทุนในความสามารถขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นเพราะเขาตั้งกรอบเป้าหมายค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)ที่สมเหตุสมผลหรือไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย ให้รักษาผู้ให้ทุนเหล่านั้นไว้ให้ดี
แน่นอนว่าการลงทุนในศักยภาพขององค์กรไม่ได้แปลว่าทุกการลงทุนจะคุ้มค่าเสมอไป องค์กรอาจใช้จ่ายมากเกินความจำเป็นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าออฟฟิศ คอมพิวเตอร์ หรืออบรมพนักงาน แต่ไม่มีสูตรสำเร็จที่บอกได้ว่าองค์กรควรลงทุนกับค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)เท่าใด ตัวเลขที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับงาน กลยุทธ์ พื้นที่ และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ประเด็นคือคุณไม่สามารถวัดประสิทธิภาพขององค์กรได้จากอัตราส่วนค่าโสหุ้ย(Overhead Cost)เพียงอย่างเดียว คุณต้องคิดให้รอบคอบว่าทีมของคุณต้องการอะไรเพื่อทำงานให้ดี และประเมินว่าการลงทุนประเภทใดจะช่วยยกระดับผลงานของพวกเขา
หน้าที่นี้อยู่ที่ตัวคุณในฐานะผู้นำองค์กรที่จะสร้างองค์กรที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องในการจัดการกับปัญหาสำคัญของชุมชน และคุณจะไม่มีวันสร้างองค์กรที่แข็งแรงและยั่งยืนได้ หากไม่ยอมลงทุนในความสามารถขององค์กรที่จะทำงานนั้นให้สำเร็จ
