ขณะที่เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม COP30 ที่เมืองเบเลงในเดือนพฤศจิกายนนี้ บราซิลกำลังวางวิสัยทัศน์ที่ทะเยอทะยานซึ่งมุ่งสู่การ “ลงมือปฏิบัติจริง” (implementation-driven vision) ซึ่งหลายฝ่ายคาดหวังว่าจะกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการประชุมด้านภูมิอากาศโลก

จดหมายอย่างเป็นทางการสี่ฉบับจากฝ่ายประธานการประชุม COP30 ร่วมกับสารสื่อสารที่สม่ำเสมอจากทีมประสานงานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เน้นย้ำสามลำดับความสำคัญหลัก ได้แก่ การปฏิบัติ (implementation), การมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม (inclusion) และ นวัตกรรม (innovation)

ความคาดหวังอยู่ในระดับสูง — COP30 จะเป็นการครบรอบ 10 ปีของ “ความตกลงปารีส (Paris Agreement)” ถือเป็นจังหวะสำคัญในการทบทวนความก้าวหน้าระดับโลก ประเมินคำมั่นใหม่ของแต่ละประเทศ และตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่ความเร่งด่วนในครั้งนี้เกินกว่าการเฉลิมฉลองวันครบรอบ เพราะทั่วโลกยังคงมีข่าวพาดหัวเกี่ยวกับอุทกภัย ภัยแล้ง และไฟป่า ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ — ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณเตือนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ต่อชีวิตผู้คน เศรษฐกิจ และระบบนิเวศ

จากการปฏิรูประบบการเงินด้านภูมิอากาศ ไปจนถึงการยกระดับบทบาทของผู้นำภาคประชาชน ต่อไปนี้คือ 10 ประเด็นสำคัญ ที่รัฐบาลบราซิลในฐานะประธานการประชุม COP30 กำลังวางไว้เป็นหัวใจของวาระการประชุมที่เบเลง:

1. การเรียกร้องให้รวมพลังของสังคมโลก

บราซิลมองว่า COP30 ควรเป็นเวทีที่ก้าวข้ามความแตกแยกทางการเมืองและภาคส่วน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก

หัวใจของวิสัยทัศน์นี้คือแนวคิด “Global Mutirão” — การระดมพลังร่วมกันในระดับโลกที่หยั่งรากในคุณค่าของชนพื้นเมืองเพื่อรวมรัฐบาล ภาคประชาสังคม และภาคเอกชนเข้ามาร่วมกันสร้างสรรค์ทางออกต่อวิกฤตภูมิอากาศ

บราซิลกำลังบูรณาการแนวทางนี้เข้าสู่กระบวนการเจรจา เพื่อเชื่อมโยงโครงการท้องถิ่นที่อิสระและร่วมมือกันให้กลายเป็นขบวนการระดับโลกที่สามารถส่งมอบผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้ทันต่อความเร่งด่วนของวิกฤตภูมิอากาศ

2. ความมุ่งมั่นที่กำหนดขึ้นในระดับโลก (Globally Determined Contribution – GDC)

ต่อยอดจากผลลัพธ์ของการทบทวนสถานการณ์โลกด้านภูมิอากาศ (Global Stocktake) บราซิลกำลังผลักดันแนวคิด “ความมุ่งมั่นที่กำหนดขึ้นในระดับโลก” ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่กว้างและครอบคลุมมากกว่าเดิม โดยเปิดให้เมือง ชนพื้นเมือง เยาวชน และภาคธุรกิจ เข้ามามีส่วนร่วมควบคู่กับรัฐบาลแต่ละประเทศ

ประธานการประชุม COP30 นายอังเดร โกเรอา ดู ลาโก (André Corrêa do Lago) เขียนไว้ในจดหมายฉบับที่สี่ของฝ่ายประธานว่า

“เป้าหมายของเราคือการสร้างพลังใหม่ให้กับการดำเนินการด้านภูมิอากาศโลก โดยประสานความพยายามของภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และรัฐบาลทุกระดับให้เคลื่อนไหวอย่างสอดประสาน — ราวกับเป็นการ ‘Global Mutirão’ เพื่อขับเคลื่อนการทบทวนสถานการณ์โลกด้านภูมิอากาศ (Global Stocktake) ให้เสมือนเป็นความมุ่งมั่นที่กำหนดขึ้นในระดับโลก (GDC) จริง ๆ”

3. เร่งยกระดับความทะเยอทะยานด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน

มีเพียงประมาณ 10 % จาก 196 ประเทศภาคีของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ที่ได้ยื่น ความมุ่งมั่นที่ประเทศกำหนด (NDCs) ฉบับปรับปรุงแล้ว แม้เส้นตายเดิมคือเดือนกุมภาพันธ์ (ต่อมาขยายถึงเดือนกันยายน)

บราซิลกำลังเร่งรณรงค์ให้ประเทศต่าง ๆ ส่ง NDC ฉบับปรับปรุงและยกระดับความทะเยอทะยานให้สอดคล้องกับเป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 °C พร้อมทั้งผลักดันมาตรการหยุดการตัดไม้ทำลายป่าให้ได้ภายในปี 2030 เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็นสามเท่า และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นสองเท่า

4. ป่าไม้ในฐานะหัวใจของการดำเนินการด้านภูมิอากาศ

ในฐานะประเทศที่เป็นแหล่งป่าฝนเขตร้อนขนาดใหญ่ บราซิลกำลังวาง “ป่าไม้” ไว้เป็นศูนย์กลางของการประชุม COP30 ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “การประชุม COP แห่งอเมซอน (Amazon COP)”

การประชุมครั้งนี้จะเน้นย้ำว่าป่าไม้ไม่เพียงเป็น “แหล่งดูดซับคาร์บอน” แต่ยังเป็น “สินทรัพย์เพื่อการพัฒนา” ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (mitigation) และการเสริมความยืดหยุ่นต่อผลกระทบของภูมิอากาศ (resilience)

ฝ่ายประธานจึงเรียกร้องให้มีการลงทุนและนวัตกรรมในระดับใหญ่ เพื่อยุติการตัดไม้ทำลายป่าและยกระดับบทบาทของป่าไม้ให้เป็นพันธมิตรสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตภูมิอากาศโลก

5. กองทุนเพื่อป่าฝนเขตร้อนอย่างยั่งยืน (Tropical Forests Forever Facility – TFFF)

หัวใจสำคัญของวาระด้านการเงินภูมิอากาศของบราซิลคือ กองทุน TFFF ซึ่งเป็นกองทุนตามผลงาน (performance-based fund) ที่มีเป้าหมายระดมทุน 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อให้รางวัลแก่ประเทศที่สามารถอนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กองทุนนี้ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศ BRICS ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ รวมถึง สหราชอาณาจักรและนอร์เวย์ โดยเสนอให้มีการจ่ายเงินโดยตรงในอัตรา 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อเฮกตาร์ต่อปี โดยกำหนดให้ไม่น้อยกว่า 20 % ของงบประมาณทั้งหมดต้องส่งตรงถึง ชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น

คำแถลงอย่างเป็นทางการระบุว่า:

“ระดับเงินทุนในลักษณะนี้สูงกว่างบประมาณที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศที่มีป่าหลักใช้อยู่ถึงสามถึงสี่เท่า และมากกว่าที่ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจจ่ายอยู่ในปัจจุบันหลายสิบหรือแม้แต่หลายร้อยเท่า กองทุน TFFF จึงมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการอนุรักษ์ป่าในระดับชาติได้อย่างแท้จริง”

6. ความยุติธรรมและการมีส่วนร่วมในฐานะเสาหลักของธรรมาภิบาล (Justice and inclusion as governance pillars)

บราซิลเสนอให้จัดตั้งกระบวนการ “Global Ethical Stocktake” เพื่อรับรองว่าความยุติธรรมถูกบูรณาการอยู่ในทุกมิติของการดำเนินการด้านภูมิอากาศ

ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล และ เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนีโอ กูเตอร์เรส โครงการนี้จะอาศัยการจัด เวทีเสวนาภาคประชาสังคมหกภูมิภาคทั่วทุกทวีป เพื่อสะท้อนถึง “คุณค่า พฤติกรรม และความรับผิดชอบ” ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงให้ พันธสัญญาด้านภูมิอากาศของสหประชาชาติกลายเป็นจริง

นอกจากนี้ บราซิลยังออกแบบกลไกการมีส่วนร่วม เช่น “People’s Circle” และ คณะกรรมาธิการชนพื้นเมืองระดับสูง เพื่อยกระดับเสียงของกลุ่มที่เคยถูกกีดกันให้เป็นศูนย์กลางของกระบวนการเจรจา

7. เสริมพลังให้รัฐบาลท้องถิ่นและภูมิภาค (Empowering subnational governments)

ผ่านความร่วมมือในโครงการ Coalition for High Ambition Multilevel Partnerships (CHAMP) บราซิลผลักดันให้รัฐบาลท้องถิ่นและระดับภูมิภาคสามารถเข้าถึง แหล่งทุนภูมิอากาศและการสนับสนุนทางเทคนิค ได้โดยตรง

นอกจากนี้ ยังได้ประกาศจัดตั้ง เวทีผู้นำท้องถิ่น (Local Leaders Forum) เพื่อรวบรวม นายกเทศมนตรี ผู้ว่าการรัฐ และผู้นำท้องถิ่นหลายร้อยคน มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ปัญหาภูมิอากาศเชิงพื้นที่ และแสดงให้เห็นว่าระดับเมือง รัฐ และภูมิภาคคือพลังขับเคลื่อนสำคัญของความก้าวหน้าด้านภูมิอากาศโลก ผ่านการดำเนินการแบบหลายระดับ (multilevel climate action)

8. การบูรณาการการทูตด้านภูมิอากาศให้เป็นเรื่องหลัก (Mainstreaming climate diplomacy)

บราซิลเรียกร้องให้ประเด็นภูมิอากาศยังคงอยู่ในลำดับต้น ๆ ของวาระโลก แม้นอกเหนือจากปฏิทินการประชุม COP

ผ่านเวทีอย่าง คณะอนุกรรมการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (SBSTA) และ London Climate Week ฝ่ายประธาน COP30 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานการดำเนินการด้านภูมิอากาศในเวทีระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น G20, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), กลุ่ม BRICS, ธนาคารโลก, และ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เพื่อสร้างความสอดคล้องและรักษาแรงขับเคลื่อนตลอดทั้งปี

9. วาระยุทธศาสตร์ “หกเสาหลัก” (A “Six Pillars” strategic agenda)

กรอบการเจรจา COP30 ของบราซิลถูกออกแบบรอบ หกแกนหลัก (thematic axes) ที่ครอบคลุมการลดการปล่อย (mitigation), การปรับตัว (adaptation) และวิธีการดำเนินการ (means of implementation):

การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน อุตสาหกรรม และการขนส่ง (Transitioning Energy, Industry and Transport) การดูแลรักษาป่าไม้ มหาสมุทร และความหลากหลายทางชีวภาพ (Stewarding Forests, Oceans and Biodiversity) การเปลี่ยนแปลงภาคเกษตรและระบบอาหาร (Transforming Agriculture and Food Systems) การเสริมความยืดหยุ่นให้เมือง โครงสร้างพื้นฐาน และแหล่งน้ำ (Building Resilience for Cities, Infrastructure and Water) การส่งเสริมการพัฒนามนุษย์และสังคม (Fostering Human and Social Development) การปลดล็อกกลไกสนับสนุนและตัวเร่ง (Unleashing Enablers and Accelerators) รวมถึงด้าน การเงิน เทคโนโลยี และการสร้างขีดความสามารถ (Finance, Technology and Capacity Building)

10. จากคำมั่นสู่การปฏิบัติจริง: COP30 ในฐานะจุดเปลี่ยนสำคัญ (From pledges to practice: COP30 as a turning point)

เป้าหมายสูงสุดของบราซิลคือให้ COP30 กลายเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญของกระบวนการภูมิอากาศโลก ที่พลังการขับเคลื่อนจากฐานราก (grassroots mobilization) การปฏิรูปธรรมาภิบาล และการลงมือปฏิบัติจริงมาบรรจบกัน

ด้วยข้อเสนออย่างเช่น การยุติการตัดไม้ทำลายป่า, เป้าหมายพลังงานหมุนเวียนที่ทะเยอทะยาน, และ การจัดตั้งกองทุน TFFF, การประชุม COP30 กำลังถูกวางให้เป็น หมุดหมายแห่งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง (structural change)

แม้ว่าผู้เข้าร่วมบางส่วนจะแสดงความกังวลเกี่ยวกับ ปัญหาด้านการจัดการและการเข้าถึงสถานที่ประชุมในเมืองเบเลง แต่เดิมพันครั้งนี้ยังคงสูงมาก —

มรดกของบราซิลจาก COP30 อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของทศวรรษ ที่สามารถเปลี่ยนจาก “คำมั่น” ให้กลายเป็น การดำเนินการจริงที่กล้าหาญ เป็นธรรม และยั่งยืน เพื่ออนาคตที่มีความยืดหยุ่นสำหรับผู้คน ความหลากหลายทางชีวภาพ และโลกใบนี้.

เรียบเรียงจาก 10 key themes Brazil is placing at the core of the COP30 agenda เขียนโดย Yoly Gutierrez ใน https://forestsnews.cifor.org/93254/brazil-cop30-agenda-key-themes?fnl=