กองทุนเพื่อป่าฝนเขตร้อนอย่างยั่งยืน (Tropical Forests Forever Facility – TFFF) เป็นโครงการนำร่องด้านธรรมชาติและการเงินของบราซิลสำหรับการประชุม COP30 ซึ่งหากประสบความสำเร็จ TFFF อาจระดมและจัดสรรเงินได้ถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ให้แก่ประเทศที่มีป่าฝนเขตร้อน พร้อมทั้งจัดสรรส่วนหนึ่งให้กับ ชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น ที่มีบทบาทสำคัญในการปกป้องผืนป่าของโลก

องค์กร Global Witness เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2012–2023 มีเหตุโจมตีจนเสียชีวิตต่อผู้ปกป้องผืนดินและสิ่งแวดล้อมกว่า 2,100 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่กระทบต่อชุมชนชนพื้นเมืองและชุมชนลูกหลานชาวแอฟริกันที่เป็น “ผู้พิทักษ์ป่า”

แม้รายละเอียดของกองทุนยังอยู่ระหว่างการเจรจา แต่สิ่งที่ทราบในปัจจุบันมีดังนี้:

1. TFFF คืออะไร และทำงานอย่างไร

TFFF เป็น กองทุนการลงทุน (investment fund) ที่ผสมผสานระหว่างแนวทางการจัดสรรเงินแบบดั้งเดิม เช่น ความช่วยเหลือ เงินให้เปล่า หรือทุนพัฒนา เข้ากับ กลไกการสร้างผลตอบแทนทางการเงิน

เป้าหมายคือการระดมทุนจากภาครัฐและเอกชนเข้าสู่กองทุนรวม เพื่อนำไปลงทุนในตลาดการเงินโลก แล้วใช้ผลกำไรที่ได้ จ่ายตอบแทนให้กับประเทศที่อนุรักษ์ป่าฝนเขตร้อน ตามสัดส่วนพื้นที่ป่าที่ยังเหลืออยู่

เงินส่วนใหญ่จะจ่ายให้รัฐบาลแต่ละประเทศ โดยอย่างน้อย 20% ของยอดจ่ายทั้งหมดต่อประเทศ จะถูกจัดสรรให้กับ ชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น

2. กองทุน TFFF จะจัดสรรเงินเท่าไร และใครจะได้รับประโยชน์

TFFF ตั้งเป้าระดมเงินเริ่มต้น 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณ ภาคเอกชนราว 100,000 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือจากรัฐบาลและองค์กรการกุศลต่าง ๆ

แม้ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าตัวเลขสุดท้ายอาจต่ำกว่านี้ แต่แนวทางที่กำลังพัฒนาอยู่คือการนำเงินไปลงทุนใน พันธบัตรของประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets & Developing Economies) โดยให้ความสำคัญกับ พันธบัตรสีเขียวหรือพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน

เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือด้านภูมิอากาศ องค์กร Global Witness แนะนำให้ TFFF หลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทที่มีความเสี่ยงต่อการตัดไม้ทำลายป่า หรือภาคธุรกิจฟอสซิล ซึ่งอาจขัดกับเป้าหมายของกองทุน

เวอร์ชันล่าสุดของ TFFF ได้รับคำชมว่า ตัดสินใจไม่ลงทุนในภาคที่สร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมรุนแรง เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซ และพื้นที่พรุ

หากดำเนินการตามแผนนี้ รัฐบาลบราซิลคาดว่าเงินลงทุน 125,000 ล้านดอลลาร์จะสร้างผลตอบแทนได้ถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี สำหรับประเทศที่มีผืนป่าขนาดใหญ่ ซึ่งจะถูกแจกจ่ายเป็น “เงินตอบแทนป่าประจำปี” มูลค่า 4 ดอลลาร์ต่อเฮกตาร์ของพื้นที่ป่าที่คงอยู่

ประเทศที่เพิ่มพื้นที่ป่าจะได้รับเงินมากขึ้น ส่วนประเทศที่มีการตัดไม้ทำลายป่าจะถูกลดการจ่ายตามสัดส่วน

3. TFFF จะช่วยหยุดยั้งการทำลายป่าได้อย่างไร

TFFF สร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจเพื่อให้ประเทศ รักษาอัตราการตัดไม้ทำลายป่าให้น้อยกว่า 0.5% ต่อปี

ต่างจากกองทุนภูมิอากาศอื่น ๆ ที่จ่ายตามโครงการหรือกิจกรรมเฉพาะ TFFF จะจ่ายตาม “พื้นที่ป่ารวมทั้งหมด” ของประเทศนั้น ๆ

ที่ผ่านมา รัฐบาลจำนวนมากกลับได้ผลประโยชน์จากการทำลายป่าเพื่อผลิตสินค้า เช่น ถั่วเหลือง เนื้อวัว น้ำมันปาล์ม หรือแร่ธาตุ ขณะที่ “การรักษาป่า” กลับไม่สร้างรายได้โดยตรง แม้จะเป็นหัวใจสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เช่น การกักเก็บคาร์บอน รักษาน้ำ และเกษตรกรรม

TFFF จึงเสนอทางเลือกใหม่ ให้รัฐบาล ได้รับค่าตอบแทนจากการรักษาป่าแทนการทำลายป่า

หากสำเร็จ โมเดลนี้อาจช่วยลดช่องว่างมหาศาลของ “การเงินเพื่อภูมิอากาศ” ที่ขาดแคลนมานาน และกลายเป็น แหล่งทุนถาวรสำหรับการอนุรักษ์ป่าตลอดระยะเวลา 30 ปีของกองทุน

4. TFFF จะสนับสนุนชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นอย่างไร

ชนพื้นเมืองคือผู้พิทักษ์ป่าที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก แต่พวกเขามักถูกคุกคามจากการยึดครองที่ดินและความรุนแรง

TFFF ยอมรับบทบาทสำคัญของชนพื้นเมืองอย่างชัดเจน โดยกำหนดให้ได้รับอย่างน้อย 20% ของเงินทั้งหมดที่ประเทศนั้นได้รับ แต่หลายกลุ่มกำลังเรียกร้องให้เพิ่มสัดส่วนดังกล่าวให้สอดคล้องกับบทบาทที่แท้จริง นอกจากนี้ ชุมชนเหล่านี้ยังต้องการ เข้าถึงเงินโดยตรงไม่ผ่านรัฐบาล เพราะในหลายกรณี พื้นที่ป่าที่ยังคงอยู่เกิดจากการปกป้องของพวกเขาเอง

เวอร์ชันล่าสุดของ TFFF จึงเสนอ สองกลไกการเงินสำหรับชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น ได้แก่ การจัดตั้งคณะกรรมการบริหารระดับชาติ (national steering committees) ที่มีตัวแทนของกลุ่มเหล่านี้ ระบบตรวจสอบการใช้เงินที่โปร่งใสและเป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศ รัฐบาลยังไม่สามารถปกป้องสิทธิของชนพื้นเมืองได้จริง บางกรณีกลับ เอื้อให้เกิดการยึดที่ดินหรือการบุกรุกพื้นที่มากขึ้น

ดังนั้น TFFF จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ ยอมรับและเสริมพลังให้ชนพื้นเมืองเป็น “ผู้ตัดสินใจ” และ “ผู้นำ” ในกองทุน ไม่ใช่เพียงผู้รับผลประโยชน์

นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริม การรับรองสิทธิครอบครองที่ดินตามกฎหมายเพื่อลดความเสี่ยงจากการขับไล่และสะท้อนความจริงที่ชุมชนเหล่านี้เผชิญอยู่

5. TFFF จะเปิดตัวเมื่อใด และต้องการการสนับสนุนอะไรจึงจะสำเร็จ

กองทุนนี้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของประเทศต่างๆ ภาคการเงินเอกชน ชนพื้นเมือง และภาคประชาสังคม

หลายประเทศได้แสดงเจตจำนงสนับสนุนแล้ว เช่น ฝรั่งเศส นอร์เวย์ สหราชอาณาจักร เยอรมนี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน ขณะที่ประเทศที่มีป่าฝน เช่น โคลอมเบีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และกานา กำลังทำงานร่วมกับบราซิลในการออกแบบกลไกของกองทุน

แม้ TFFF อาจกลายเป็น กลไกเปลี่ยนเกมในการปกป้องผืนป่าโลก แต่ความสำเร็จจะถูกบั่นทอนได้หากยังมีกระแสเงินเอกชนไหลสู่บริษัทที่ทำลายป่า หลายธนาคารและผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกที่ตั้งอยู่ในประเทศที่กำลังพิจารณาลงทุนใน TFFF ยังคงให้เงินทุนแก่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าอยู่

ดังนั้น รัฐบาลที่สนับสนุน TFFF ต้องออกกฎหมายควบคุมภาคการเงินในประเทศของตน เพื่อหยุดการไหลของเงินเข้าสู่เศรษฐกิจทำลายป่า

ในปัจจุบัน “เงินทุน” ยังเป็นแรงขับเคลื่อนการตัดไม้ทำลายป่า แต่หาก TFFF ได้รับการสนับสนุนจาก กฎระเบียบทางการเงินใหม่ ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการปรับทิศทางการเงินโลกให้สอดคล้องกับการปกป้องผืนป่า ได้อย่างแท้จริง

เรียบเรียงจาก 5 things to know about the Tropical Forest Forever Facility เขียนโดย Ashley Thomson SENIOR US POLICY ADVISOR, FORESTS athomson@globalwitness.org https://globalwitness.org/en/campaigns/fossil-fuels/everything-you-need-to-know-about-cop/