เรียบเรียงจาก https://www.cisl.cam.ac.uk/cop29-what-expect
บทนำ

ความร่วมมือระดับโลกเพื่อต่อกรกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศจัดขึ้นภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ UNFCCC ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาอนุสัญญาระดับโลกสองสามฉบับที่ตกลงกันในการประชุม Rio Earth Summit ในปี 2535 ทุกๆปี การประชุม COP [1] – ราว 200 ประเทศที่ลงนามใน UNFCCC รวมถึงผู้สังเกตการณ์ภาคประชาสังคม – จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมเป้าหมายของ UNFCCC เพื่อจํากัดผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โดยทั่วไป COP ซึ่งนําโดยประเทศเจ้าภาพ แต่ละครั้งบรรลุฉันทามติในแถลงการณ์หรือความตกลงที่มีผลผูกพันซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะเมื่อสิ้นสุดการประชุม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีพัฒนาการที่สําคัญบางอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่การเจรจาความตกลงปารีสซึ่งลงนามโดย 196 ประเทศที่ COP21 ในปี 2559 [ 2]
ในขณะที่เราอาจได้เห็นความตกลงบางอย่างเกิดขึ้นในบางพื้นที่ของความร่วมมือว่าด้วยสภาพภูมิอากาศในฟอรัมระดับโลกอื่น ๆ เช่น G7, G20 และสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ กระบวนการเจรจาภายใต้ UNFCCC มีความชอบธรรมและขนาดพอที่จะรวบรวมความพยายามระดับโลกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ เนื่องจาก การเจรจา UNFCCC เปิดให้ทุกประเทศภาคีรวมถึงกลุ่มประเทศที่เปราะบางได้ส่งเสียงและยกมือคัดค้าน จึงได้เห็นช่วงเวลาแห่งความก้าวหน้ามากมายซึ่งความทะเยอทะยานระดับโลกในการต่อกรวิกฤตสภาพภูมิอากาศได้เพิ่มขึ้น กล่าวได้ว่า ความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างประเทศเหล่านี้สามารถดําเนินการตามอัตราการสนับสนุนภายในประเทศภาคีและการดําเนินการจากทุกประเทศภาคีภายในการเจรจาเท่านั้น
ในการประชุม COP28 ที่ดูไบในปี 2566 ประเทศภาคี UNFCCC บรรลุฉันทามติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(the UAE Consensus) [3] ซึ่งเป็นความสำเร็จสำคัญที่มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 198 ประเทศตกลงในประเด็นสำคัญที่จะเริ่ม “การเปลี่ยนผ่านไปจากเชื้อเพลิงฟอสซิล(transitioning away from fossil fuels)” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เชื้อเพลิงฟอสซิลถูกกล่าวถึงโดยชัดเจนในการตัดสินใจของการเจรจาภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ประเทศต่างๆ ยังเห็นพ้องที่จะให้ทุนและดำเนินการกองทุน ‘การสูญเสียและความเสียหาย’ที่สำคัญ [4] ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มประเทศที่เผชิญกับความเสียหายจากสภาพภูมิอากาศที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และได้รับการตกลงในเบื้องต้นที่ COP27 ในอียิปต์ และในการตอบสนองต่อกระบวนการ Global Stocktake (GST) ครั้งแรก[5] ซึ่งเป็นการประเมินความก้าวหน้าของประเทศต่างๆ ต่อพันธกรณีของพวกเขาภายใต้ความตกลงปารีส ประเทศต่างๆ ทำข้อผูกพันหลายประการ รวมถึงตกลงที่จะเพิ่มการผลิตพลังงานหมุนเวียนสามเท่า และเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานเป็นสองเท่าภายในปี 2573 และวางแผนที่จะหยุดการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2573
COP29 จะจัดขึ้นโดยอาเซอร์ไบจานในเดือนพฤศจิกายน 2567 และในฐานะประธาน อาเซอร์ไบจาน[6] มีวาระการประชุมมากมาย ประเด็นหลักที่จะมีการเจรจา คือ:
- เป้าหมายเชิงปริมาณที่เกี่ยวกับการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันใหม่ (New Collective Quantified Goal: NCQG) : [7] ตกลงถึงพันธะสัญญาใหม่ในการจัดสรรงบประมาณประจำปีเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาแทนที่เป้าหมายก่อนหน้านี้ที่กำหนดให้มีการจัดสรรงบประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งตั้งขึ้นในปี 2553 และบรรลุเป้าหมายในปี 2566
- การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (nationally determined contributions: NDCs): [8] กระตุ้นให้ประเทศต่างๆ ตั้งเป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศที่ทะเยอทะยานและครอบคลุมมากขึ้นภายในปี 2578 โดยจะต้องส่งแผนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
- การปรับตัว: พัฒนาข้อมูลเฉพาะเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่ประเทศต่างๆ จะดำเนินการตามเป้าหมายโลกว่าด้วยการปรับตัว[9] ซึ่งหมายถึงการจัดการเพื่อรับมือและลดผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- มาตรา 6: ผลักดันการหารือที่ซับซ้อนเกี่ยวกับมาตรา 6 [10] ซึ่งครอบคลุมความร่วมมือด้านการดำเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศทั้งระหว่างประเทศ และกับผู้เล่นที่ไม่ใช่รัฐ เช่น ธุรกิจ รวมถึงการหารือเกี่ยวกับโครงสร้างตลาดคาร์บอน
ในบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความปั่นป่วนเพิ่มมากขึ้น การบรรลุฉันทามติจะท้าทายมากกว่าที่เคย สถานการณ์นี้ยิ่งถูกซ้ำเติมด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการเมืองแบบประชานิยมและชาตินิยม นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าผลการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่การประชุม COP29 จะเริ่มขึ้น อาจเป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับผลลัพธ์ของ COP29 และมีผลกระทบต่อระบอบว่าด้วยสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศในวงกว้างขึ้น [11] รวมถึงอนาคตของการจัดสรรเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศของสหรัฐอเมริกา [12] ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงปารีสในปี 2563 เมื่อเขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และหากเขาได้รับเลือกอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน เขากล่าวว่าเขาต้องการถอนสหรัฐฯ ออกจาความตกลงปารีสอีกครั้งและป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ กลับเข้าร่วม [13]
ในบริบทของการถกเถียงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกควบคู่ไปกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การประชุม COP ในปี 2567 นี้จะมีความสำคัญมากกว่าที่เคยในการเชื่อมช่องว่างเหล่านี้และนำโลกกลับเข้าสู่เส้นทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายการจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5°C การประชุม COP ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เป็นเวทีสำคัญในการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากเป็นเวทีเดียวที่รวบรวมประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพื่อหารือและร่วมมือในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ
ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตามผลลัพธ์ทั้งในระดับโลกและระดับชาติ ธุรกิจสามารถเข้ามามีส่วนร่วมผ่านพันธสัญญาและการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศขององค์กร และโดยการผลักดันให้เกิดสภาพแวดล้อมด้านนโยบายและกฎระเบียบที่เข้มแข็งขึ้นจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการดำเนินการเพื่อเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการดำเนินงานของพวกเขาและสนับสนุนนโยบายที่ก้าวหน้ามากขึ้น โดยส่งสัญญาณความต้องการที่ชัดเจนไปยังห่วงโซ่คุณค่าให้เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและเร่งขยายทางออกที่สะอาดให้เร็วขึ้น [14] ภาคการเงินก็มีบทบาทสำคัญในการทำให้แน่ใจว่าการเงินของเอกชนช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศร่วมกัน
บทความนี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่คาดหวังจากการเจรจา หัวข้อที่สำคัญที่สุด องค์ประกอบที่จำเป็นสำหรับผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ และวิธีที่ภาคเอกชนสามารถช่วยผลักดันวาระด้านสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศไปข้างหน้า ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะมีค่าอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่วางแผนจะมีส่วนร่วมกับ COP29 รวมถึงผู้กำหนดนโยบายและผู้ที่อยู่ในภาคสิ่งแวดล้อมที่ต้องการเข้าใจพลวัตที่เกิดขึ้นในปี 2567 นี้
End notes
[1] https://unfccc.int/process/bodies/supreme-bodies/conference-of-the-parties-cop
[2] The Paris Agreement is a legally binding international treaty on climate change. It was adopted by 196 Parties at the UN Climate Change Conference (COP21) in Paris, France, on 12 December 2015. It entered into force on 4 November 2016. https://unfccc.int/process-and-meetings/the-paris-agreement
[3] https://cop28.com/UAEconsensus
[4] https://unfccc.int/loss-and-damage-fund-joint-interim-secretariat
[5] https://unfccc.int/topics/global-stocktake
[6] At COPs, the COP President ensures the observance of rules of procedure and works with country delegations to reach consensus on key issues.
[7] https://unfccc.int/NCQG
[8] https://unfccc.int/process-and-meetings/the-paris-agreement/nationally-determined-contributions-ndcs
[9] The 2015 Paris Agreement Article 7 established, for the first time, a Global Goal on Adaptation, to enhance adaptative capacity, strengthen resilience and reduce vulnerability to climate change, “with a view to contributing to sustainable development and ensuring an adequate adaptation response” in the context of the mitigation goal of keeping temperature rise to a maximum of 2°C or 1.5°C. https://unfccc.int/topics/adaptation-and-resilience/workstreams/gga
[10] Article 6 of the Paris Agreement recognises that some Parties choose to pursue voluntary co-operation in the implementation of their Nationally Determined Contributions to allow for higher ambition in their mitigation and adaptation actions and to promote sustainable development and environmental integrity. https://unfccc.int/process/the-paris-agreement/cooperative-implementation
[11] global_leadership_summit_2024_insights.pdf (cam.ac.uk)
[12] https://www.reuters.com/business/environment/climate-change-funding-talks-stuck-ahead-cop29-summit-2024-06-13/
[13] https://www.eenews.net/articles/how-trump-could-exit-the-paris-climate-deal-and-thwart-reentry/
[14] Businesses can support this through signing up to the Fossil to Clean campaign here: https://www.wemeanbusinesscoalition.org/fossil-to-clean/
