หลังจากลานีญาสามปีติดต่อกัน ฤดูใบไม้ผลิปี 2566 ก็ได้เห็นการกลับมาของเอลนีโญ – ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่อุ่นกว่าปกติ (และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น) ในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนตอนกลางและตะวันออก

เอลนีโญเกี่ยวข้องกับการอ่อนกำลังของลมค้า หรือ trade wind (ลมประจำปีที่พัดจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตกในบริเวณศูนย์สูตรของโลก) และการเคลื่อนตัวของน้ำอุ่นจากแถบแปซิฟิกตะวันตกไปยังชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกา ปรากฏการณ์เอลนีโญนี้อาจมีผลกระทบในวงกว้าง โดยทำให้สภาพอากาศที่เย็นและเปียกชื้นมากขึ้นภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา และนำความแห้งแล้งมาสู่ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก เช่น อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย

การวัดอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลโดยใช้เครื่องมือบนดาวเทียมและทุ่นลอยในมหาสมุทรเป็นวิธีหนึ่งในการตรวจจับการมาถึงของเอลนีโญ ร่องรอยของเอลนีโญยังปรากฏให้เห็นในการวัดความสูงพื้นผิวน้ำทะเลด้วยเครื่องมือวัดบนดาวเทียม ซึ่งสูงขึ้นเมื่ออุณหภูมิของมหาสมุทรอุ่นขึ้น นั่นเป็นเพราะน้ำอุ่นจะขยายตัวเพื่อเติมเต็มปริมาณที่มากขึ้น ในขณะที่น้ำเย็นจะหดตัว

แผนที่ด้านบนแสดงความผิดปกติความสูงของผิวน้ำทะเลทั่วมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางและตะวันออกตามที่สังเกตตั้งแต่วันที่ 1-10 มิถุนายน 2566 เฉดสีฟ้าแสดงถึงระดับน้ำทะเลที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย สภาพระดับน้ำทะเลปกติจะปรากฏเป็นสีขาว และสีแดงหมายถึงบริเวณที่มหาสมุทรอยู่สูงกว่าปกติ

ข้อมูลสร้างแผนที่ได้มาจากดาวเทียม Sentinel-6 Michael Freilich และ Sentinel-3B และประมวลผลโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ Jet Propulsion Laboratory (JPL) ของ NASA โปรดทราบว่าสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรของฤดูกาลและแนวโน้มระยะยาวได้ถูกลบออกเพื่อเน้นความเบี่ยงเบนผิดปกติของระดับน้ำทะเลที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์เอลนีโญและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในระยะสั้นอื่นๆ

ในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ศูนย์พยากรณ์อากาศของ NOAA ประกาศว่าเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ รายงานชี้ไปที่อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลในภูมิภาค Niño 3.4 ของแปซิฟิกเขตร้อน (จาก 170° ถึง 120° ลองจิจูดตะวันตก) ในเดือนพฤษภาคม 2023 อยู่ที่ 0.8°C (1.4°F) สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว

นักพยากรณ์คาดการณ์ว่าสภาวะเอลนีโญจะค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นในฤดูหนาวปี 2566-2567 ในซีกโลกเหนือ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาคาดว่ามีโอกาส 60 % ที่จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญแรงระดับปานกลาง และโอกาส 56 % ที่จะเกิดเอลนีโญรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ณ เดือนมิถุนายน 2566 เอลนีโญยังไม่ไปถึงไหนเมื่อเปรียบกับเหตุการณ์เอลนีโญที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันของปี ตามข้อมูลของ Josh Willis นักสมุทรศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์โครงการ Sentinel-6 Michael Freilich ที่ JPL

วิลลิสกล่าว “ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่านี่จะเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่ อาจจะมีผลกระทบไปทั่วโลกบ้าง แต่ก็ยังมีเวลาที่ปรากฏการณ์เอลนีโญจะลดน้อยลง”

NASA Earth Observatory image by Lauren Dauphin, using modified Copernicus Sentinel data (2023) processed by the European Space Agency and further processed by Josh Willis, Severin Fournier, and Kevin Marlis/NASA/JPL-Caltech. Story by Kathryn Hansen.