เรียบเรียงจาก https://www.greenpeace.org/static/planet4-international-stateless/2023/12/c610d444-20231130_match-makingcommunity-ledclimateaction_ds_small.pdf

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเจรจาที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 6 ของความตกลงปารีสถูกครอบงําโดยกลุ่มผู้ที่สนับสนุนตลาดคาร์บอนและการค้าขายการปล่อยมลพิษ การมุ่งเน้นมากเกินไป และ ‘โน้มเอียงไปที่ระบบตลาด’ ในการเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศได้ชะลอความคืบหน้าของ Non-market approaches (NMAs) มาหลายปีแล้ว
ย้อนกลับไปในปี 2558 ที่ COP21 ในปารีส คณะกรรมการประจําด้านการเงินของ UNFCCC (SCF) ให้คําแนะนําต่อกองทุน Green Climate Fund (GCF) เพื่อสร้างความคืบหน้าของ Non-market approaches (NMAs) ต่อการดำเนินการร่วมของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวในด้านป่าไม้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นตามโครงการนำร่องภายใต้กลไก REDD+ มูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่แพลตฟอร์ม Non-market approaches (NMAs) ไม่ได้รับความสำคัญในการเจรจา UNFCCC ในขณะที่ประเทศภาคีต่างๆ ใช้เวลา (และยังคงใช้เวลา) อย่างมากในการเจรจาความซับซ้อนทางเทคนิคของมาตรา 6.2 และ 6.4 โดยยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดภายใต้มาตรา 6 ควรทำให้เป็นแพ็คเกจเดียว ขณะนี้แพลตฟอร์ม Non-market approaches (NMAs) อยู่ในโหมดการใช้งานเต็มรูปแบบ และไม่ควรถูกขัดขวางจากการเจรจาเรื่องแนวทางตลาด แต่ต้องดําเนินการโดยอิสระจากมาตรา 6 อื่น ๆ
การพึ่งพาแนวทางระยะสั้นและระบบตลาด(market-based) ที่ไม่ยั่งยืนมากเกินไปนี้ มักมีเหตุผลเข้าข้างตนเองโดยความจําเป็นในการระดมเงินทุนภาคเอกชน กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและก่อมลพิษสูงไม่เพียงแต่พยายาม outsource การลดการปล่อยมลพิษไปยังกลุ่มประเทศในซีกโลกใต้ผ่านแนวทางตลาดคาร์บอน แต่ยังตั้งเป้าที่จะ outsource ความรับผิดชอบในการจัดหาเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศที่จําเป็น
กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วยังไม่บรรลุเป้าหมายการเงินด้านสภาพภูมิอากาศ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีที่สัญญาไว้ในโคเปนเฮเกนเมื่อสิบสี่ปีก่อน ทว่ากลุ่มประเทศที่ร่ำรวยและก่อมลพิษเหล่านี้กลับไม่ขาดแคลนเงินทุนเพื่อช่วยเหลือสถาบันการเงิน จ่ายเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลหลายพันล้าน และจัดสรรเงินหลายแสนล้านต่อปีสําหรับการใช้จ่ายทางทหาร พวกเขายังล้มเหลวในการทำให้อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล (และผู้ก่อมลพิษรายใหญ่อื่นๆ) มีภาระรับผิดต่อการทําลายล้างและอันตรายที่พวกเขาก่อขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความล้มเหลวในการออกกฎหมายเพื่อปลดระวางอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษเหล่านี้ หรือแม้แต่เก็บภาษีที่ใช้หลักการที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่า “ผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย”
ความล้มเหลวในการสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซหรือการปรับตัวไม่ได้เป็นผลมาจากการขาดเงินทุนที่มีอยู่ตามที่ผู้สนับสนุนตลาดคาร์บอนหลายคนโต้แย้ง แต่เป็นผลมาจากการขาดเจตจํานงทางการเมือง ความรับผิดชอบหลักซึ่งขึ้นอยู่กับกลุ่มชนชั้นนำทั่วโลก และความสัมพันธ์ระหว่างอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษและการเมือง แนวทาง Market-based มักถูกใช้เพื่อเบี่ยงเบนความรับผิดชอบของกลุ่มประเทศที่ก่อมลพิษที่ร่ำรวยเพื่อลดการปล่อยมลพิษและจ่ายให้กับการปล่อยมลพิษในอดีต หรือแม้แต่เพื่อสนับสนุนการดําเนินการด้านสภาพอากาศที่ดีโดยสมัครใจและร่วมมือกันในขณะนี้โดยไม่มีการเรียกร้องค่าชดเชยหรือการพัฒนาการพึ่งพาเชิงกลยุทธ์ใหม่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามาตรา 6.2 และ 6.4 จะถูกใช้โดยผู้ก่อมลพิษจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและธุรกิจเกษตรที่ใหญ่ที่สุดนั้นเป็นแนวทางที่ผิดพลาดสู่การเปลี่ยนผ่านทางพลังงานโดยหลีกเลี่ยงพันธกรณีและความรับผิดชอบของพวกเขา
ความไม่ถูกต้องทางบัญชีและระเบียบวิธีจะช่วยเสริมให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง มาตรา 6.8 เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมในการ “สร้างสมดุลของบัญชีแยกประเภท” ภายใต้ความตกลงปารีสเพื่อทำให้เราเคลื่อนไปไกลกว่าตลาดคาร์บอนและไปสู่แนวทางที่นำโดยชุมชน ความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative justice) จากล่างขึ้นบน ความเป็นธรรมทางเพศและระบบนิเวศเป็นศูนย์กลาง
เวลาอันมีค่าหมดไป และตอนนี้เราเห็นความล้มเหลวของตลาดคาร์บอนอย่างต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับการค้าคาร์บอนจากป่าไม้และที่ดิน ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีพาดหัวข่าวและรายงานของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ที่ยืนยันว่าคาร์บอนเครดิตจากป่าส่วนใหญ่ที่หมุนเวียนในตลาดเป็น “คาร์บอนจำแลง” คาร์บอนเครดิตและการชดเชยคาร์บอน ‘ได้รับการรับรอง’ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ฝังแน่นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้ทบทวีเข้าไปในกลไกการพัฒนาที่สะอาด (CDM) ที่ล้มเหลว ซึ่งนําไปสู่การสร้างกลไกมาตรา 6.4 ข้อบกพร่องภายใต้กลไกตลาดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่และยังคงดําเนินต่อไป โดยมีหลากหลายตั้งแต่ความถาวรทางเทคนิคและความเสี่ยงทางบัญชีไปจนถึงการป้องกันที่ไม่เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกโดยรวม การละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิของชนพื้นเมือง และการทําลายหน้าที่ของระบบนิเวศที่สําคัญต่อไป
มาตรา 6.8 ให้วิธีที่มีความชอบธรรมและเปลี่ยนผ่านเพื่อ ”ปรับทิศทางให้ถูกต้อง“ และหยุดเสียเวลาและเงินไปกับกลไกตลาดที่มีข้อบกพร่องและมีความเสี่ยงเพื่อฟอกเขียวให้กับผู้ก่อมลพิษที่ไม่สนใจภาระรับผิด เราจำเป็นต้องไปไกลกว่าการแก้ปัญหาที่ผิดพลาดบนฐานของระบบตลาดและป้องกันสารพัดวิกฤต (polycrisis)ที่แทรกซึมเข้ามา
