เป้าหมายสำคัญประการหนึ่งของอุตสาหกรรมพีวีซีคือ การแก้ภาพพจน์ของพีวีซีว่าเป็นวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุผลว่ามันสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกในสหรัฐได้แถลงว่า

“ภาพลักษณ์ของพลาสติกในสายตาผู้บริโภคกำลังอยู่ในระดับที่แย่และกำลังแย่ลงเรื่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยความเห็นบอกเราว่ามันตกต่ำลงในอัตราที่เร็วมาก ๆ ที่จริงถึงจุดที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”

เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ อุตสาหกรรมพลาสติกได้เปิดตัวโครงการประชาสัมพันธ์ขึ้นมาสองโครงการ โครงการแรกเพื่อรณรงค์ว่า ความพยายามผลิตพลาสติกที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาตินั้นเล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า และอีกโครงการพยายามโน้มน้าวว่าความพยายามที่จะนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่นั้น ได้ผลเป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสร้างทัศนคติที่ดีต่อพลาสติกนำกลับมาใช้ใหม่แก่คนในสังคม และขยายตลาดพีวีซีให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็พยายามทุกวิถีทางที่จะหยุดการออกกฎหมายที่จะห้ามคือคุมเข้มการใช้พลาสติกพีวีซี

ดังที่โฆษกของกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกสหรัฐได้กล่าวไว้ว่า

“หากกฎหมายเห็นด้วยกับเราที่จะแสดงให้โลกรู้ว่าเราสามารถที่จะนำโพลีเมอร์ล้ำค่านี้กลับมาใช้ได้ใหม่อีก โดยมีภาคอุตสาหกรรมทำหน้าที่พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์… ผลที่ได้ก็คือ ไม่ใช่ตลาดมูลค่า 60,000 ล้านปอนด์ตกฮวบไปที่45,000 ล้านปอนด์ เพราะจะมีการนำกลับมาใช้ใหม่อีก 15,000 ล้านปอนด์ นั่นคือมูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็น 80,000 ล้านปอนด์ 90,000 หรือ 100,000 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการโตของตลาดที่เกิดจากการนำกลับมาใช้ใหม่นั่นเอง”

ในความเป็นจริง มีการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่น้อยมาก ท่ามกลางความกดดันของอุตสาหกรรมพลาสติกเองที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าพลาสติกที่มีคลอรีนเป็นส่วนผสมนั้นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และแรงกดดันนี้ก็เพิ่มมากขึ้นตามลำดับในเดนมาร์ก สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมันและออสเตรีย ซึ่งได้ประกาศคุมเข้มการใช้บรรจุภัณฑ์พีวีซีเนื่องจากปัญหาในเตาเผาขยะ

พีวีซีเป็นหนึ่งในพลาสติกตระกูล Thermoplastics ซึ่งรวมถึงพีอี (Polyethylene) พีพี (Polypropylene) และพีเอส (Polystylene) พลาสติกเหล่านี้จะหลอมตัวและเปลี่ยนรูปได้หากโดนความร้อน ต่างจากพลาสติกทนความร้อนอย่าง Polyurethane

ในทางทฤษฎีแล้วการนำพีวีซีกลับมาใช้ใหม่เป็นไปได้ และมีการปฏิบัติอยู่แล้วในกระบวนการผลิตพีวีซีทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจมากกว่าเพื่อสิ่งแวดล้อม การทดลองนำพีวีซีที่ใช้งานแล้วกลับมาใช้ใหม่ซึ่งเปรียบได้กับหนูลองยา ยังคงประสบปัญหาอีกมากมาย

1. พีวีซีไม่ได้มีองค์ประกอบเพียงชนิดเดียว

พีวีซีบริสุทธิ์ไม่สามารถทำมาใช้งานได้ ต้องมีการเติมสารบางอย่างเข้าไปตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ในความจริงการผลิตพีวีซีมีสูตรการผสมสารแตกต่างกันนับพันสูตร กระทั่งในผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันที่ผลิตโดยผู้ผลิตคนละราย ด้วยเหตุผลธรรมชาติของพลาสติกพีวีซีข้อนี้เองทำให้การนำพีวีซีกลับมาใช้ใหม่เป็นไปแทบไม่ได้ เพราะมันจะปนเปื้อนสารที่เติมเข้าไปหลากหลายชนิด

ต่างจากการนำวัสดุชนิดอื่นกลับมาใช้ใหม่อย่างแก้ว การแยกขยะแก้วทำได้ง่ายมากเพราะแก้วแต่ละชนิดมีสีต่างกัน

ยิ่งไปกว่านั้นสารเติมแต่ง ที่เติมเข้าไปในพีวีซีส่วนใหญ่เป็นสารพิษ ทำให้ต้องมีการคุมเข้มการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่จะทำจากพลาสติกพีวีซีที่ผ่านกระบวนการทำกลับมาใช้ใหม่ ใครเล่าอยากจะให้ของเล่นเด็กปนเปื้อนไปด้วยส่วนผสมของสารพิษนานาชนิด ทั้งสารเพิ่มความคงตัวและสารต้านเปลวไฟที่มีแคดเมียมประกอบ และสาร Plasticisers อื่นๆ อีก

2. การนำพีวีซีกลับมาใช้ใหม่(Recycling)

แท้จริงคือการทำให้แย่ลง (Down-cycling) ในกรณีที่ไม่สามารถแยกพีวีซีออกจากของเสีย การนำพีวีซีดังกล่าวไปผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ พลาสติกที่ได้จะคุณภาพต่ำ สามารถนำไปผลิตได้แค่กำแพง ม้านั้งในสวน เสารั้ว หรือของทำนองนี้เท่านั้นซึ่งมีตลาดที่จำกัด ที่แย่ไปกว่านั้นการนำพลาสติกไปผลิตของเหล่านี้จะแพงกว่ามาก อีกทั้งยังมีโอกาสปล่อยสารพิษออกสู่สิ่งแวดล้อมรอบๆ ด้วย

นี่ไม่ไช่การนำกลับมาใช้ใหม่ที่แท้จริง ในความจริงมันเป็นการทำให้แย่ลง แค่เป็นการยืดเวลาพลาสติกที่จะทิ้งในหลุมฝังกลบหรือเตาเผาขยะ ขณะเดียวกันมันส่งผลให้มีมีการผลิตพลาสติกมากขึ้นแทนที่จะใช้พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ไปใช้ใหม่ได้จริงฐานะวัตถุดิบตั้งต้นของการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก

3. การเก็บพลาสติกกลับมาเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

ค่าใช้จ่ายสำหรับการเก็บและกำจัดขยะเหล่านี้ถูกผลักให้เป็นภาระของคนจ่ายภาษีทุกคน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ประชากรในเมือง Hallein ประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นบ้านของสาขา Solvay ผู้ผลิตคลอรีนใหญ่ที่สุดในยุโรป ได้ลงคะแนนต่อต้านโครงการนำพีวีซีกลับมาใช้ใหม่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายปริมาณมากที่จะผลักมาให้ประชาชนในเมืองและโครงการนี้ขัดกับนโยบายการลดขยะของเมือง

กระทั่งอุตสาหกรรมพลาสติกเองก็ออกมายอมรับอย่างกว้างขวางว่าการนำพีวีซีกลับมาใช้ใหม่นั้นมีต้นทุนที่แพงกว่าการผลิตผลิตภัณฑ์พีวีซีชนิดเดียวกันด้วยพีวีซีบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่

บันทึกข้อความจาก Solvay ยอมรับว่าการรณรงค์ครั้งใหญ่ในยุโรปที่จะให้สาธารณชนยอมรับว่าผลิตภัณฑ์พีวีซีสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้นั้นมีเป้าหมายเพื่อการประชาสัมพันธ์มากกว่าเหตุผลอื่น

4. การค้าขยะพลาสติก

ขณะที่อุตสาหกรรมพลาสติกได้พยายามสรรเสริญถึงข้อดีของเตาเผาและความปลอดภัยของการฝังกลบ หลักฐานล่าสุดพบว่ามีการทิ้งพลาสติกอย่างไม่ถูกต้อง

จากการตรวจสอบบันทึกการขนส่งของกรีนพีชพบว่าการค้าขยะพลาสติกในสหรัฐในปี 2534 มีมากถึง 200 ล้านปอนด์

แม้ว่านายหน้าค้าขยะพลาสติกจะอ้างว่าขยะเหล่านั้นจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ข้อเท็จจริงกลับพบว่ากว่า 40 ร้อยละของขยะที่มีการส่งออกไปถูกนำไปทิ้งอย่างไม่ถูกวิธี ขยะพลาสติกเช่นนี้ถูกบันทึกไว้เป็นจำนวนมากในรายการขนส่งทางเรือ

ปริมาณของผลิตภัณฑ์พีวีซีได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการกล่าวถึงวิธีการกำจัดขยะหากผลิตภัณฑ์เหล่านี้หมดอายุงาน การไม่สามารถนำพลาสติกเหล่านี้กลับมาใช้ได้เป็นเพียงการยืดเวลาวิกฤติขยะพลาสติกเท่านั้น ทางออกเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ถาวรคือการเลิกผลิตพีวีซี